ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย ที่เคยมีรอยร้าวใหญ่ทั้งคดีขโมยเครื่องเพชรราชวงศ์ซะอูดแห่งซาอุดีอาระเบีย และเหตุการณ์ฆาตกรรมนักการทูตซาอุฯในไทย, คดีอุ้มฆ่า อัล-รูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุฯในไทย จนทำให้ความสัมพันธ์สองประเทศอยู่ในขั้นตกต่ำเลวร้าย กินเวลายาวนานกว่า 30 ปี
วันนี้ซาอุฯขอมูฟออนเรื่องนี้แล้ว หลังไทยกับซาอุฯกลับมาฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกันตั้งแต่ปีก่อน
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี บินไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย พร้อมเข้าเฝ้า เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย หลังไทยกับซาอุฯกลับมาฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกันตั้งแต่ปีก่อน
ในโลกเอเชียตะวันออกกลางหรืออาหรับ ซาอุดิอาระเบีย คือ หนึ่งในประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ ทั้งในฐานะประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันอันดับ 1 ของโลก
ซาอุฯ มีบทบาทมากในการรักษาเสถียรภาพราคา และกำหนดอุปทานน้ำมันในตลาดโลก
ตอนนี้ซาอุฯมีอภิมหาโปรเจ็กต์ใหญ่ระดับโลก Saudi Vision 2030 โครงการนี้เดินหน้ามากว่า 6 ปีแล้ว ซาอุฯ ทุ่มงบประมาณลงทุนมากถึง 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และเซ็ทให้ตัวเองอยู่ในฐานะ “ตลาดศักยภาพสูง” ทำให้ประเทศอื่นๆ สนใจวิชั่นนี้กันมาก และอยากจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วย รวมทั้งประเทศไทย
โครงการนี้ซาอุฯ ตั้งใจรีแบรนด์ประเทศให้มีเศรษฐกิจที่แกร่งขึ้น ไม่อยากพึ่งพาธุรกิจน้ำมันเพียงอย่างเดียวไปตลอด และผู้นำใหม่ของซาอุฯ ต้องการทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศทันสมัย สลัดภาพจำประเทศที่มีกฏระเบียบเยอะ เคร่งศาสนา ให้ทันโลกมากขึ้นด้วย (ส่วนประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนยังถูกตั้งคำถาม)
ซาอุฯโฉมใหม่เปิดประตูให้ประเทศไทยเข้าไปลงทุน และซาอุฯยุคผู้นำคนใหม่ก็สนใจเข้ามาลงทุนในไทยด้วย
เรามาสรุป 5 เรื่องหลัก ที่เป็นโอกาสของประเทศไทยกัน
- ธุรกิจรถยนต์และชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ส่งออกจากไทยได้ประโยชน์
ไทยได้อานิสงส์ส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนประกอบไปซาอุฯมากขึ้น เพราะจำนวนการขอใบอนุญาตขับรถของซาอุฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากรัฐบาลผ่อนคลายให้ผู้หญิงซาอุฯสามารถขับรถเองได้แล้ว ความต้องการใช้รถยนต์จึงเพิ่มขึ้นด้วย สอดคล้องไปกับจำนวนรถยนต์ในซาอุฯ เพิ่มสูงขึ้นจากหลักแสนมาเป็นหลักล้านคันแล้วในตอนนี้
- ธุรกิจวัสดุก่อสร้างของไทยจะส่งออกได้มากขึ้น
จากอภิมหาโปรเจ็กต์การก่อสร้างยักษ์ใหญ่ 6 โครงการ ภายใต้แผน Saudi Vision 2030 จะมีการก่อสร้างเมืองแห่งอนาคต เป็นสมาร์ทซิตี้ที่โดดเด่นระดับโลก
ทั้งโครงการนีออม (Neom) เมืองอัจฉริยะที่แทบจะจำลองอาคาร สิ่งปลูกสร้างแบบหนังไซไฟมาเลย , มีโครงการไฮไลท์อย่างเดอะ ไลน์ (The Line) , โครงการพัฒนาเมืองรีสอร์ทระดับลักชัวรี่ริมฝั่งทะเลแดง และยังมีโครงการเซดร้า (Sedra) ที่อยู่อาศัยขนาดมหึมา มากถึง 30,000 ยูนิต
ทำให้เกิดความต้องการวัสดุก่อสร้างจำนวนมาก เป็นโอกาสของบริษัทไทยที่จะเข้าไปสร้างความร่วมมือกับบริษัทผู้ออกแบบโครงการในซาอุฯ ในการกำหนดสเปควัสดุที่ใช้ และส่งสินค้าไปขาย
- อสังหาฯ ไทย ดีมานด์ลูกค้าซาอุฯ คึกคัก ชาวซาอุฯ ชอบซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทย ในระดับราคา 5-6 ล้านบาท และยังนิยมซื้อทำเลต่างจังหวัดมากกว่ากรุงเทพฯ
แม้ว่าชาวซาอุฯจะยังไม่ใช่กลุ่มชาวต่างชาติที่เป็นเป้าหมายใหญ่ในภาคอสังหาฯ ไทย แต่คาดว่าการกลับมามีสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างไทยกับซาอุ จะยิ่งทำให้ชาวซาอุ เดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นด้วย ไม่ใช่แค่เข้ามาท่องเที่ยว แต่จะมีบางส่วนที่มาไทยด้วยเหตุผลด้านธุรกิจ มาลงทุน ความต้องการซื้อคอนโดฯ ในไทยก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
- นักท่องเที่ยวชาวซาอุฯ เข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น
นักท่องเที่ยวซาอุดิอาระเบียมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น ในช่วง 1-2 ปีนี้ จาก 96,000 คน ในปี 2565 มาอยู่ที่ 149,000 – 156,000 คน และมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า 107,000 บาทต่อหัว มีระยะเวลาเที่ยวในไทยเฉลี่ย 12 วัน ต่อทริป ถือว่ามีตัวเลขที่สูงในระดับของนักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากมาเที่ยวก็ยังเดินทางมาตรวจรักษาพยาบาลในไทย แน่นอนจะส่งผลดีต่อ ธุรกิจเฮลท์แคร์ในไทย เพราะ ชาวซาอุฯ มีค่าใช้จ่ายต่อหัว ด้านการรักษาพยาบาลสูงกว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวม
- โอกาสลงทุนในซาอุฯ ของบริษัทไทย
ตอนนี้มีบริษัทบิ๊กคอร์ปอเรทของไทยไปลงทุนในซาอุฯแล้วหลายบริษัท ยกตัวอย่างเจ้าเด่นๆ เลย อย่าง ปตท. โออาร์ กำลังจะตั้งสถานีบริการน้ำมันในซาอุฯ ให้มีรูปแบบบริการเหมือนปั๊มน้ำมันในไทย โดยที่มีพื้นที่ขายของ ห้องน้ำ มีร้านคาเฟ่อเมซอน ประเดิมสาขาแรกในซาอุไปเมื่อปีที่แล้ว ตั้งเป้าจะให้มีมากถึง 150 แห่ง
บริษัทปูนซิเมนท์ไทย หรือ SCG กำลังจะเปิดสำนักงานในซาอุฯ ปลายปีนี้ เพื่อลงทุนพัฒนาธุรกิจบรรจุภัณฑ์
ไมเนอร์ โฮเทล ประกาศเปิดโปรเจ็กต์โรงแรมอนันตรา ในโครงการโทรเจนา ส่วนหนึ่งของเมืองอัจฉริยะนีออม
ซีพีเอฟ สนใจพัฒนาธุรกิจเปิดฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตวน้ำและไก่ในซาอุฯ และตั้งโรงงานอาหารสัตว์น้ำ
เป็นเพียงตัวอย่างยังมีธุรกิจไทยอีกหลายรายที่จะเข้าไปลงทุนในซาอุฯ ขณะที่อีกหนึ่งโปรเจ็กต์ที่ต้องจับตา คือ ปตท. กำลังหารือร่วมลงทุนกับซาอุฯกับโครงการใหญ่ Green Hydrogen ในไทยด้วย
เมื่อมาดู ประเด็นทางด้านเศรษฐกิจการเมืองโลก ซาอุฯ ที่ผ่านมารับรู้กันดีว่ามีสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐมาโดยตลอดทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบันจะเห็นว่าซาอุฯมีการพูดคุยเจรจาประโยชน์กับจีนมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ตอนนี้จีน ถือเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดกับกลุ่มประเทศอาหรับ ยิ่งดูเหมือนว่า ซาอุฯยุคใหม่เลือกดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยให้ความสำคัญเรื่องเศรษฐกิจนำการเมือง
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัด ให้ดูที่พลัง Soft Power ของจีนในซาอุฯ ตอนนี้เทรนด์การเรียนภาษาจีนกำลังบูมในประเทศซาอุดิอาระเบียมาก ทางการซาอุฯ สั่งให้มีการสอนวิชาภาษาจีนกลางในโรงเรียนมัธยมของรัฐและเอกชนทุกแห่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว










