
จากกรณีที่ “ครูอ้อม” นางสาวอ้อมอารีย์ แข็งฤทธิ์ อายุ 32 ปี ครูประจำชั้นอนุบาลของโรงเรียนวัดวงเดือน ต.สามง่ามท่าโบสถ์ อ.หันคา จ.ชัยนาท ถูกมือดีปาด้วยก้อนเลือดสัตว์ใส่ประตูห้องเรียน ซึ่งคาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากการท้วงติงและตรวจสอบเรื่องอาหารกลางวันของนักเรียนที่พบว่าไม่มีคุณภาพและไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ใช้ไป ต่อมาได้มีคำสั่งย้ายครูอ้อมไปช่วยงานที่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ชัยนาท จนมีกระแสกดดันทำให้ต้องกลับลำ ให้ครูอ้อมอยู่สอนต่อ และย้ายนายสุเทพ สิงห์สม ผอ.โรงเรียนไปช่วยราชการแทน และทางโรงเรียนก็ไม่ต่อสัญญากับป้าแต๋วแม่ครัว ส่วนครูในโรงเรียนขอลาออก 1 คนและขอย้ายไปสอนที่อื่นอีก 3 คนนั้น

วันที่ 11 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการประชุมคณะกรรมการศึกษาโรงเรียนวัดวงเดือน พบว่าทางโรงเรียนกำลังประสบปัญหาขาดแคลนครู เพราะสิ้นเดือนนี้ก็จะมีครูลาออก 1 คน อีกทั้งมีครูที่ขอย้ายตัวเองอีก 3 คน โดยปัจจุบันโรงเรียนวัดวงเดือนเปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 ไปถึงชั้น ป.6 รวม 7 ห้องเรียน ต้องใช้ครู 7 คน แต่ปัจจุบันทั้งโรงเรียนมีครูเพียง 6 คน โดยครูอ้อมดูแล 2 ชั้นเรียนคือ อนุบาล 1และอนุบาล 2 ส่วนครูท่านอื่นดูแล ป.1- ป.6 ชั้นเรียนละ 1 คน โดย ป. 4 ปัจจุบันไม่มีครูประจำชั้นดูแล ต้องให้ครูชั้น ป.5 มาดูแลแบบควบ 2 ห้อง ซึ่งเป็นภาระที่ค่อนข้างหนัก

ก่อนหน้านี้ชั้น ป.4 เคยมีครูอัตราจ้างที่ทางโรงเรียนได้เงินสมทบจากภายนอก เช่น การบริจาคของประชาชน และการจัดผ้าป่าเพื่อการศึกษานำมาจ้างสอน แต่เมื่อช่วงเดือน ส.ค. นายสุเทพ สิงห์สม ผอ.โรงเรียนในขณะนั้นแจ้งว่าไม่ต่อสัญญาครูอัตราจ้างเพราะทางโรงเรียนไม่มีเงินจ้างแล้ว ทำให้ชาวบ้านตั้งข้อสงสัยว่าเงินบริจาคเอาไปใช้อะไรหมด
นอกจากปัญหาของชั้น ป.4 ที่ไม่มีครูสอนประจำชั้นแล้ว ชั้น ป.2 ก็กำลังจะมีปัญหาด้วย เพราะหนังสือลาออกจากราชการของครูที่ยื่นไว้จะมีผลวันที่ 2 ต.ค.นี้ จะทำให้บุคลากรในโรงเรียนยิ่งขาดไปอีก และเป็นช่วงที่เด็กต้องมีการสอบปลายภาค ขณะนี้ทางดรงเรียนกำลังรอแนวทางแก้ไขจาก สำนักงานพื้นที่เขตการศึกษาประถมศึกษา หรือ สพป.ชัยนาทว่าจะทำยังไงต่อไป

สำหรับเรื่องอาหารกลางวัน นางสุธัชชา สดเสมอ ตัวแทนผู้ปกครอง บอกว่า กลุ่มผู้ปกครองได้จัดเวรมาทำอาหารให้ลูกหลานจนถึงช่วงปิดเทอม โดยไม่ได้รับค่าจ้าง ซึ่งเด็กๆ ก็บอกว่าชอบอาหารอร่อยทุกวันเลย









