ผลสำรวจชี้มากกว่า 60% คนไทยเลือกเที่ยวแบบ Solo Travel ขออยู่คนเดียว ใช้เวลากับตัวเอง ไม่อยากพึ่งพาใคร

ผลสำรวจชี้มากกว่า 60% คนไทยเลือกเที่ยวแบบ Solo Travel ขออยู่คนเดียว ใช้เวลากับตัวเอง ไม่อยากพึ่งพาใคร

อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นอินไซต์คนไทยเลือกเดินทางคนเดียว (Solo Travel) แต่ผลสำรวจล่าสุดของ Scoot สายการบินโลว์คอสต์สัญชาติสิงคโปร์ ร่วมกับ YouGov จากกลุ่มตัวอย่าง 5,000 คนใน 5 ประเทศ (ออสเตรเลีย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, ไทย, มาเลเซีย) พบว่าคนไทยเป็นกลุ่มที่เลือกเดินทาง Solo มากกว่า 60% ถือเป็นตัวเลขที่สูงมากในอุตสาหกรรมนี้

โดยผลสำรวจนี้ได้เจาะลึกหลายด้าน เช่น ข้อมูลประชากร, แรงจูงใจ, พฤติกรรมในการวางแผนเดินทาง และทัศนคติทางวัฒนธรรม เพื่อศึกษามุมมองของคนไทยเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสายการบิน รวมถึงบริษัทท่องเที่ยวต่างๆ

[ คนไทยรักอิสระ ไม่อยากพึ่งพาใคร ชอบใช้เวลากับตัวเอง ]

‘อากาธา แยป’ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด การสื่อสาร และลูกค้าสัมพันธ์ของ Scoot ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเทรนด์ Solo Travel ที่มองว่ากำลังเป็นกระแสมากขึ้นในตลาดประเทศไทย

สิ่งที่น่าสนใจจาก Scoot Trend Report 2025 ซึ่งจัดทำขึ้นในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่า คนไทยมากกว่า 60% โฟกัสไปที่การเดินทาง ‘คนเดียว’ โดยมีแรงจูงใจหลักๆ ก็คือ รักอิสระ, มีความยืดหยุ่น, ไม่ต้องการพึ่งพาใคร และที่สำคัญอยากใช้เวลากับตัวเองมากที่สุด

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลอินไซต์อื่นๆ จากรายงานฉบับนี้ เช่น

  • 68% คนไทยเที่ยวคนเดียวมากกว่า 1 ครั้งต่อปี
  • คนไทย 2 ใน 3 มีการแนะนำผู้อื่นให้ลองท่อเงที่ยวคนเดียว
  • 25% ยอมรับว่าได้แรงบันดาลใจในการท่องเที่ยวคนเดียวจากอินฟลูเอนเซอร์

โดย 3 เรื่องที่เป็น priority แรกๆ ที่นักเดินทาง Solo ให้ความสำคัญมากที่สุด เมื่อเดินทางไปจุดหมายปลายทางต่างๆ ก็คือ

  1. ความปลอดภัย
  2. ที่พัก/สภาพความเป็นอยู่
  3. งบประมาณในการเดินทาง

อากาธา แยป บอกว่า “ช่วงเวลานี้มันเป็นลักษณะ Time for me ก็คือ เป็นจังหวะที่ผู้คนทำเพื่อตัวเอง การท่องเที่ยวในแต่ละครั้งจึงไม่ใช่แค่ต้องการเช็คลิสต์สถานที่ที่ฉันอยากไป แต่เป็นมากกว่านั้น พวกเขาเดินทางคนเดียวเพื่อให้เวลากับตัวเอง พักผ่อนหย่อนใจ และมองว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ดีที่สุดในการทบทวนตัวเอง”

ขณะที่ 3 ประเทศ Top 3 ที่คนไทยเลือกที่จะเดินทางคนเดียว สบายใจที่จะไปมากที่สุดช่วงที่ผ่านมา ก็คือ 

  • ญี่ปุ่น

  • สิงคโปร์

  • จีน

“การเลือกของคนไทยที่จะไปประเทศไหน หรือเมืองไหน ส่วนใหญ่จะเลือกไปที่ที่เป็นเมือง, รู้สึกว่าคุ้มค่าที่จะไป และพวกเขาต้องไม่รู้สึกว่า ต้องประหยัดเงินเกินไปในระหว่างทริปนั้น ก็อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไม Top 3 เป็นประเทศในเอเชียทั้งหมด” อากาธา แยป กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในรายงานได้เผยช่วง 12 เดือนข้างหน้า พบว่า จุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับแรกที่คนไทยอยากไปมากที่สุด ดังนี้

  • ญี่ปุ่น (32%)
  • จีน (16%)
  • สิงคโปร์ (12%)
  • เกาหลีใต้ (11%)
  • ไต้หวัน (11%)
  • เวียดนาม (10%)
[ กลุ่มมิลเลนเนียลและโสด Solo Travel มากที่สุด ]

มีข้อมูลเชิงลึกจาก Scoot ที่เปิดเผยเกี่ยวกับกลุ่มทาร์เก็ตของเทรนด์ Solo Travel ในไทย ว่าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มมิลเลนเนียลมากที่สุด (38%) ตามด้วย Gen Z (28%), Gen Y (26%) และ Gen X (23%)

ส่วนสถานะแน่นอนว่า ‘โสด’ มาเป็นอันดับ 1 ราว 46%, แต่งงานแล้ว 35%, มีแฟน 14% หย่าร้าง/แยกกันอยู่/หม้าย 5%

นอกจากนี้ ทาง Scoot ยังเผยว่า นักท่องเที่ยวคนไทยให้ความสำคัญกับที่พัก อาหาร และตั๋วเครื่องบินมากพอๆ กันคิดเป็น 38% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยบัดเจ็ทที่ใช้จ่ายมากที่สุด อยู่ที่ประมาณ 6,528–32,458 บาท ตามมาด้วยกิจกรรม (36%) และค่าเดินทาง (34%)

ขณะที่ Scoot Trend Report ฉบับนี้ บอกด้วยว่า เกือบ 2 ใน 3 ของคนไทย หรือ 63% เลือกที่นั่งแบบ ‘Economy class’ โดย 28% จะเลือกสายการบินโลว์คอสต์ เหตุผลเพราะ 1.ราคาตั๋วบิน (31%) 2.ระยะเวลาของเที่ยวบิน (25%) และ 3.ความสะดวก มีตัวเลือกตรงความต้องการ (22%)

อากาธา แยป ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “คนมองหา short trip มากกว่า long trip ส่วนหนึ่งสภาพเศรษฐกิจก็มีผลในการตัดสินใจ รวมทั้งความสะดวกในการหยุดงาน และอื่นๆ”

ใกล้เคียงกับในรายงานที่ชี้ว่า คนไทยส่วนใหญ่ 40% จะเลือกเดินทางเที่ยว 4-7 วัน และ 35% เลือกเดินทางท่องเที่ยว 1-3 วัน

[ จุดเด่นของสายการบิน Scoot ]

สำหรับสายการบิน Scoot ซึ่งเข้ามาทำตลาดในไทยราว 10 ปีแล้ว และปัจจุบันมีเส้นทางบินประมาณ 7 เมือง เช่น ภูเก็ต, เชียงใหม่, หาดใหญ่, สมุย (เปิดตัวปี 2024) และกำลังจะเปิดเส้นทางบินไป ‘เชียงราย’ ในปีนี้

อากาธา แยป มองว่า “ตลาดไทยมีศักยภาพในการเติบโต และดีมานด์ของสายการบินโลว์คอสต์ยังเป็นที่ต้องการสวนทางกับสภาพเศรษฐกิจ คนยังอยากเดินทาง Scoot เชื่อมั่นในตลาดและความเชี่ยวชาญของสายการบิน แต่จะค่อยๆ ขยายเส้นทางบินอย่างช้าๆ ส่วนหนึ่งเพราะข้อจำกัดในการขยายเส้นทางบินของ Scoot ทรัพยากรต่างๆ เช่น เครื่องบินโดยสาร และบุคลากร”

“เราเข้าใจดีที่ตลาดไทยมีผู้เล่นหลักที่เป็นโลว์คอสต์แอร์ไลน์อยู่แล้ว (แอร์เอเชีย) แต่ Scoot คาดหวังที่จะเข้าไปนั่งในใจลูกค้าคนไทย เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกดีๆ ที่้มีคุณภาพให้กับคนไทย ซึ่งเรามีจุดเด่นหลายด้านที่ดึงดูดและแตกต่าง เช่น กระเป๋า carry on ผู้โดยสารสามารถนำขึ้นเครื่องได้ 10 kg เทียบกับบางสายการบินที่ได้เพียง 7 kg”

“นอกจากนี้ Scoot ยังมีตัวเลือกเสริมในการปรับแต่งประสบการณ์การบิน อย่างเช่น ผู้โดยสารบางคนไม่ต้องการนั่งในพื้นที่ที่มีเสียงดังรบกวน บริเวณนั้นก็อาจจะไม่มีผู้โดยสารที่อายุต่ำกว่า 12 ปี นั่งร่วมกันในห้องโดยสาร เป็นต้น”

“สำหรับ Scoot เราจะใช้ฝูงบินที่ทันสมัย และค่อนข้างใหม่ มีอายุเฉลี่ยไม่เกิน 7 ปี เพื่อสร้างประสบการณ์บินที่ปลอดภัยให้กับผู้โดยสารมากที่สุด ซึ่งปีนี้เรามีการลงทุนไปกับการซื้อเครื่องบินโดยสารเพิ่มขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ”

ปัจจุบัน Scoot บินไปยังจุดหมายปลายทางทั่วโลก มากกว่า 70 เส้นทางบิน ครอบคลุม 18 ประเทศ ทั้งในเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และยุโรป โดยได้รับรางวัลการันตีทุกปี ตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งปีล่าสุด Scoot ได้รับรางวัล ‘สายการบินที่คุ้มค่าที่สุดแห่งปี’ (Value Airline of the Year) จาก Air Transport World (ATW) ประจำปี 2025 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

อากาธา แยป ได้พูดทิ้งท้ายกับ TODAY Bizview ว่า Scoot อาจจะไม่ใช่ผู้เล่นหลักในตลาดไทยตอนนี้ แต่หวังว่าจะได้รับโอกาสนั้น เพราะความคุ้มค่าคือ สิ่งที่คนไทยและคนทั่วโลกให้ความสำคัญมากที่สุดตอนนี้ และ Scoot มีราคาที่แฟร์ที่สุดสำหรับผู้โดยสาร

Prakaiporn WriterPrakaiporn

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง