กลายเป็นโดมิโนเอฟเฟกต์ไปแล้วเรียบร้อยสำหรับการปิดตัวธนาคารสตาร์ทอัพ Silicon Valley Bank หรือ SVB วิกฤตสถาบันการเงินครั้งใหญ่ที่โลกกำลังจับตามองในขณะนี้
โดยในวันที่ 13 มี.ค. FDIC หน่วยงานรักษาเสถียรภาพสถาบันการเงินสหรัฐฯ แถลงการณ์ร่วมกับ Fed ประกาศปิดตัว Signature Bank ธนาคารเพื่อบริษัทคริปโตรายใหญ่ในสหรัฐฯ เนื่องจากมีความเสี่ยงเชิงระบบที่อาจเกิดขึ้นจากการปิดตัวของ SVB
Signature Bank เป็นธนาคารรายใหญ่แห่งที่สาม ที่ถูกปิดตัวภายในสัปดาห์เดียว ธนาคารแรกคือ Silvergate ธนาคารคริปโตถูกกปิดเมื่อวันที่ 8 มี.ค. ตามมาด้วยธนาคาร SVB และรายล่าสุดคือ Signature Bank
Signature เจาะกลุ่มบริษัทเทรดคริปโต มีเครือข่ายที่ช่วยให้บริษัทคริปโตโอนเงินเป็นดอลลาร์ได้แบบเรียลไทม์ และยังปล่อยกู้ให้บริษัทคริปโตด้วย เมื่อธนาคารคริปโตทั้งสองคือ Signature Bank และ Silvergate ปิดตัว การแลกหรือโอนเงินกลับเป็นดอลลาร์อาจทำได้ยากขึ้น
เมื่อดูภาพรวม สาเหตุที่ธนาคารใหญ่พากันล้มในช่วงนี้ เพราะเป็นธนาคารที่เจาะกลุ่มลูกค้าสตาร์ทอัพและคริปโตโดยตรง ซึ่งทั้งสองอุตสาหกรรมเคยมีเงินถุงเงินถัง เทเงินฝากเข้ามาได้เรื่อยๆ แต่ตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว
ตอนนี้ภาพรวมอุตสาหกรรมคริปโตร่วง หุ้นเทคโนโลยีก็ร่วง เงินฝากก้อนใหญ่ชะลอตัวลงไป นำมาสู่พฤติกรรม Bank Run หรือการแห่ถอนเงินฝาก เพราะขาดความเชื่อมั่นในสถาบันการเงินนั้นๆ หน่วยงานทางการก็เลยต้องเข้ามาควบคุม ปิดธนาคารไว้ก่อนเพื่อจำกัดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับผู้ฝากเงิน
ธนาคาร Signature มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 4.4 พันล้านดอลลาร์ (ศุกร์ที่ 10 มี.ค.) มีสินทรัพย์รวม 110.4 พันล้านดอลลาร์และเงินฝากรวม 88.6 พันล้านดอลลาร์ (31 ธ.ค. 2022)
สำหรับมาตรการคุ้มครองผู้ฝากเงินใน Signature Bank เหมือนกับ SVB คือผู้ฝากเงินจะได้รับความคุ้มครองสูงกว่า 250,000 ดอลลาร์ที่รับประกันโดย FDIC
Coinbase แจงว่าบริษัทมีเงินสด 240 ล้านดอลลาร์ที่ Signature และจะใช้พันธมิตรธนาคารรายอื่นในการทำธุรกรรมของลูกค้า ด้าน Circle ผู้ให้บริการ Stablecoin จะใช้บริการของเจ้าอื่นคือ BNY Mellon แทน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
- สรุปเหตุ ปิดตัว Silicon Valley Bank ธนาคารสตาร์ทอัพ ความล้มเหลวของธนาคาร หนักสุดในรอบ 10 ปี https://cms.workpointtoday.com/silicon-valley-bank-collapse-explainer/










