สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Grab Holdings เตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดโรคระบาด เนื่องจากเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจบริการเรียกรถและจัดส่งอาหารทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การปรับลดพนักงานครั้งนี้คาดว่าจะมีการประกาศในสัปดาห์นี้ และมีแนวโน้มว่าจำนวนพนักงานที่ถูกปลดจะมากกว่าในปี 2020 ที่ลดไป 5% หรือประมาณ 360 คน อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวกล่าวว่าตัวเลขที่แท้จริงกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาและอาจเปลี่ยนแปลงได้
โดยในปี 2565 Grab ได้กลับมารับพนักงานเพิ่มขึ้นจนมีพนักงานทั้งหมดราว 11,934 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีอยู่ 8,834 คน หรือเพิ่มขึ้นถึง 3,100 คน
ทั้งนี้ Grab นั้นเป็นบริษัทสัญชาติสิงคโปร์ที่เรียกได้ว่าเป็นผู้นำตลาดธุรกิจเรียกรถและเดลิเวอรี่แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ภาพรวมบริษัทก็ยังไม่สามารถทำกำไรได้ เนื่องจากต้องลงทุนสร้างการเติบโตและการแข่งขันจากคู่แข่ง ตัวอย่างคือในอินโดนีเซียที่มีคู่แข่งอย่าง GoTo Group ก็ยังคงแข่งขันกันเรื่องราคาค่าบริการอยู่
หุ้นของ Grab ร่วงลงประมาณ 70% นับตั้งแต่เปิดตัวในตลาดหุ้นในนิวยอร์กเมื่อปลายปี 2564 แม้ว่าบริษัทจะขาดทุนลดลงอย่างต่อเนื่อง และให้คำมั่นว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะสามารถทำกำไรได้
นอกจากนี้ Grab ยังเผชิญกับการเติบโตที่ชะลอตัว เนื่องจากเงินเฟ้อและดอกเบี้ยสูงขึ้น กระทบกำลังซื้อผู้บริโภค
ในขณะที่บริษัทรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ผ่านมาว่าขาดทุนลดลง แต่ gross merchandise valueหรือยอดขายรวมของบริษัทกลับเพิ่มขึ้นเพียง 3% ซึ่งลดลง 24% จากทั้งปี 2565 นอกจากนี้ การเติบโตของผู้ใช้ยังชะลอตัว เนื่องจากคู่แข่งก็อัดโปรโมชั่นและแข่งขันทางราคาอย่างหนัก
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า Grab จะขาดทุนลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ในแง่ของรายได้สุทธินั้นยังห่างไกลจากความสามารถในการทำกำไร โดยในไตรมาสแรก ผลขาดทุนสุทธิลดลงเหลือ 244 ล้านดอลลาร์จาก 423 ล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า










