ศบค.พบแนวโน้มผู้ป่วยอาการหนัก–เสียชีวิตมากขึ้น กทม.พบคลัสเตอร์ใหม่เป็นคลัสเตอร์ก่อสร้าง เผยสงกรานต์นี้ไม่งดจัดกิจกรรม ศบค.ใหญ่เตรียมประชุมหารือมาตรการ 18 มี.ค. นี้
วันที่ 7 มี.ค. 2565 พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ระบุว่าช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มผู้ป่วยปอดอักเสบและใส่ท่อช่วยหายใจมีจำนวนมากขึ้น แต่อัตราครองเตียงระบบสาธารณสุขยังรองรับได้
วันนี้มีรายงานยอดเสียชีวิตสูงสุดในการระบาดรอบนี้ คือ 65 ราย ค่าเฉลี่ยอยูที่ 49 คนต่อวัน จะเห็นว่าแนวโน้มผู้ป้วยปอดอักเสบใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มขึ้น แต่ยอดผู้ป่วยรายวัน อาจทรงๆ ไม่เพิ่มสูงมาก
ส่วนจังหวัดที่ติดเชื้อสูงสุดยังเป็น กทม. โดยที่ประชุมเข้านี้ ศบค.ชุดเล็ก กทม.รายงานว่ามีคลัสเตอร์ใหม่ เป็นคลัสเตอร์ก่อสร้าง เขตคลองสามวา ส่วน 5 เขตที่พบผู้ติดเชื้อสูงสุดในกทม. คือ เขตหลักสี่ 470 ราย, เขตบางซื่อ 187 ราย, เขตหนองแขม 67 ราย, เขตวัฒนา 44 ราย และเขตดินแดง 38 ราย
ส่วนจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังคือตามแนวชายแดน เช่น ตาก และสระแก้ว ซึ่งพบว่าในช่วงสองสามวันนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเพราะแรงงานข้ามชาติลอบเข้ามามากขึ้น ขอให้ช่วยเป็นหูเป็นตาช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อจะได้นำกลุ่มคนกลุ่มนี้ไปคัดกรองไม่ให้มีการระบาดมากขึ้น
อย่างไรก็ตามภาพรวมการระบาดของโอไมครอนเมื่อเทียบกับเดลตาพบว่ามีผู้เสียชีวิตน้อยกว่า และปัจจัยหนึ่งคือการได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น
พญ.สุมนี กล่าวต่อว่า ขณะนี้จะถึงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ขอให้พาผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเรื้อรังมารับวัคซีนทุกเข็มมากขึ้นก่อนถึงวันหยุดยาว เพราะเป็นช่วงที่จะทำกิจกรรมค่อนข้างมากและมีความเสี่ยงที่จะพบผู้ติดเชื้อตามที่เคยคาดการณ์ก่อนหน้านี้แล้ว โดยในที่ประชุมระบุว่าสงกรานต์ปีนี้ไม่ได้งดจัดหรืองดเดินทางข้ามจังหวัด แต่ขอให้อยู่ภายใต้มาตรการที่ปลอดภัย
นอกจากนี้ที่ประชุมยังพูดคุยเพิ่มเติมเรื่องมาตรการรับมือโควิดช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยวันนี้กรมอนามัยเสนอมาตรการป้องกันควบคุมโรคช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งประเด็นสำคัญ คือวันหยุดยาวต้องประเมินความเสี่ยงว่าจะติดโควิดจากกิจกรรมใดได้บ้าง คือ เดินทางกลับภูมิลำเนา การรวมตัวญาติพี่น้อง พบปะสังสรรค์ รับประทานอาหารร่วมกัน มีกิจกรรมร่วมกัน รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ สาดน้ำปะแป้ง กิจกรรมรื่นเริงต่างๆ
ส่วนสถานที่ต้องเฝ้าระวังคือ ขนส่งสาธารณะ ทุกประเภท ทั้งเครื่องบิน รถโดยสาร รถตู้ รถประจำทาง ปั๊มน้ำมันทุกจุด จุดพักรถ ขณะที่สถานที่เสี่ยงสำคัญคือบ้าน ร้านอาหาร ศาสนสถาน สถานที่ทำกิจกรรมร่วมกัน สถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตีมอลล์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนำเสนอต่อที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่ วันที่ 18 มี.ค. นี้










