โรคระบาดโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของธุรกิจทุกแขนง อีกทั้งโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่อย่างโอมิครอนก็ยังไม่คลี่คลาย แม้จะมีสัญญาณดีจากการคลายล็อคมาตรการต่างๆ รวมถึงอัตราการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุม แต่ความกังวลก็อาจฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวช้า
บริษัท เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) หรือ STT GDC Thailand นำโดย ศุภรัฒศ์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ออกมาเปิดเผยวิสัยทัศน์การแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทย
โดยชี้ว่าปัญหาสามารถเริ่มแก้ได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล มาส่งเสริมสามเครื่องจักรเศณษฐกิจหลักของไทยอย่างการท่องเที่ยว, เกษตรกรรม และอุตสาหกรรมการผลิต

1. การท่องเที่ยว
เริ่มจากการท่องเที่ยว ยกตัวอย่างงาน Expo 2020 Dubai งานนิทรรศการโลกที่ดูไบ (1 ตุลาคม 2564 ถึง 31 มีนาคม 2565) ที่แม้จัดท่ามกลางโควิด-19 แต่ก็สามารถดึงดูดผู้ที่สนใจและนักท่องเที่ยวเข้าไปดูงานนิทรรศการเกือบ 8 ล้านราย สร้างรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาล
ซึ่งเมื่อย้อนมองประเทศไทย มีข้อได้เปรียบหลายอย่างทั้งทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์และภูมิทัศน์ของแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม
โครงการ Phuket Sandbox ก็ได้ขยายไปถึง 4 จังหวัดแล้ว คือ ภูเก็ต, พังงา กระบี่ และสุราษฎร์ธานี
นายศุภรัฒศ์แนะนำต่อว่า เพื่อให้การท่องเที่ยวเดินหน้าต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้วิธีคัดกรองนักท่องเที่ยวที่เป็น High Spender เข้ามาในประเทศโดยกำหนด Minimum Spending ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ควรพิจารณา
และด้วยข้อมูลนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ก็ควรนำเทคโนโลยีทันสมัยอย่างบล็อกเชนมาปรับใช้ รวมถึง 5G และคริปโตก็เช่นกัน เพื่อสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ๆ
2. เกษตรกรรม
ภูมิประเทศของไทยเอื้อและทำให้เราเป็นประเทศเกษตรกรรมชั้นยอด เรามีวัตถุดิบชั้นดีมากมายอยู่ในมืออยู่แล้ว อาหารไทยมีเอกลักษณ์และมีรสชาติถูกปากคนทั่วโลก
แต่เกษตรกรยังไม่หลุดพ้นจากความยากจน
การทำเทคโนโลยีมาช่วยภาคการเกษตรนอกจากประโยชน์เรื่องเสริมศักยภาพแล้ว ไทยควรเน้นการสร้าง Story และพัฒนา Soft Power ของประเทศในด้านนี้ไปควบคู่กัน ซึ่งต้องอาศัยความเชื่อมั่นและศรัทธาในชาติของตัวเองค่อนข้างสูง
แนวทางการสร้างร้านมิชลินสตาร์ของคนไทยช่วยเพิ่มมูลค่าอาหารไทยให้ทัดเทียมเมนูขึ้นชื่อของนานาชาติ ถือเป็นแนวทางที่น่าสนใจและควรนำมาพิจารณา
“หากเราสามารถเปลี่ยนข้าวกระเพราเป็นจานล่ะสามพันบาท และเจาะกลุ่มลูกค้า High-End ได้ก็จะสามารถช่วยกระตุ้นและฟื้นคืนเศรษฐกิจในระยะยาวได้”
3. อุตสาหกรรมการผลิต
ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตสำคัญของภูมิภาค เรามีบริษัทชั้นนำมากมายเลือกมาลงทุน มีการสร้างโรงงานการผลิตหรือโกดังจัดเก็บสินค้าในรูปแบบ Physical จำนวนมาก ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เติบโตควบคู่ไปกับตลาด E-Commerce และ Logistic
นอกจากสินค้าที่เป็นตัวผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้แล้ว ยังมี Digital Products/Assets หรือ Online Transaction ที่เกิดขึ้นอย่างมหาศาล
ดังนั้นภาคการผลิตในยุคปัจจุบันจึงต้องการ Digital/Virtual Warehouse หรือดาต้าเซนเตอร์ รองรับการเติบโตตามกระแสเศรษฐกิจดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นทวีคูณ ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งระบบนิเวศดิจิทัลของไทย เราจะได้รับเม็ดเงินลงทุนเพิ่มขึ้น กระตุ้นการจ้างงานเพิ่ม ที่สำคัญข้อมูลของคนไทยอยู่ในประเทศไทยด้วย

สามอุตสาหกรรมข้างต้นเป็นเสาหลักให้กับการเติบโตของประเทศ หากได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังและต่อเนื่องทั้งในด้านการลงทุน การพัฒนาศักยภาพบุคลากร การสร้างความยั่งยืนให้กับระบบนิเวศ จะทำให้เกิดแรงผลักดันที่ส่งผลต่อเนื่องไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่มีบทบาทสนับสนุนการเติบโตและการแข่งขันของประเทศในวงกว้าง










