วันที่ 20 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์รูปภาพขี้เถ้าจากการเผาไร่อ้อย พร้อมข้อความ “เรียนพี่น้องชาวไร่อ้อยที่เคารพ วันเสาร์ที่ 21 ธค.62 นี้ ร.ร.กุลดิศฯมีงานเลี้ยงและการแสดงของนักเรียนช่วงเวลา 17.00น.-22.00 น. ขอความกรุณาท่านงดเผาอ้อยในวันดังกล่าวจักเป็นพระคุณยิ่ง ด้วยความเคารพครับ (รู้สึกเห็นใจเจ้าหน้าที่คงหาแหล่งที่มายาก เนื่องจากมีเนื้อที่เผาเป็นบริเวณกว้างใช้เวลาเผาไหม้นานและมี ล่องลอยไว้ให้เห็นจึงทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจะรู้ได้ว่าเหตุเกิดที่ใดครับ)”
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง โรงเรียนกุลดิศวิทยานุสรณ์ ตั้งอยู่ที่หมู่ 14 ต.หนองไผ่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ พบว่านักเรียนกำลังเก็บกวาดทำความสะอาดสถานที่จัดงาน เนื่องขี้เถ้าจากการเผาอ้อยตกลงมาเต็มพื้น ซึ่งทางโรงเรียนกำลังเตรียมสถานที่เพื่อจัดงานเลี้ยง ราตรี ศรีชัยพฤกษ์ ครั้งที่ 12 ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะมีจัดเลี้ยงโต๊ะจีน 400 โต๊ะ
แต่ปรากฏว่าในช่วงเย็นและกลางคืนของทุกวัน ได้มีเศษขี้เถ้าจากการเผาอ้อย ปลิวมาตกลงในพื้นที่จัดงานเป็นจำนวนมาก และไม่ทราบว่ามาจากทิศทางไหน ซึ่งผู้เกี่ยวข้องกังวลว่า ถ้าในคืนวันงานมีขี้เถ้าอ้อยตกลงมาอีกงานเลี้ยงคงพังแน่นอน
ในขณะที่เขต อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ก็มีคนร้องผ่านสื่อโซเซียล ด้วยเช่นกันโดยมีข้อความว่า “เลิกเผาเถอะคับ พอโลกร้ายก็ว่าโลก แต่ก็ไม่เคยหยุดทำร้ายโลกกัน อ.บึงสามพัน”
ปัจจุบัน จ.เพชรบูรณ์มีโรงงานน้ำตาลขนาดใหญ่ถึง 2 โรงงาน ซึ่งในปีนี้ชาวไร่อ้อยเร่งเผาอ้อย เพื่อให้ได้คิวในการส่งอ้อยเข้าโรงงานเร็วขึ้น ปรากฏการณ์ของขี้เถ้าจากการเผาอ้อยที่ปลิวไปตามบ้านเรือนหรือชาวบ้านเรียกว่า “หิมะดำ” จึงมาเร็วกว่าปกติ รวมทั้งปริมาณฝุ่นในอากาศก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่มีมาตรการจากหน่วยงานหรือผู้รับผิดชอบออกมาป้องกันแก้ไขแต่อย่างใด
มีเพียงข่าวลือหรือการบอกเล่าต่อกันว่า จะไม่มีการลัดคิวให้กับอ้อยที่เผา หรือไม่รับซื้ออ้อยเผา แต่ในความเป็นจริงไม่ปรากฏเช่นนั้น ยังคงปล่อยให้ชาวบ้านรับเคราะห์รับกรรมจากความไม่รับผิดชอบของผู้แสวงหาผลประโยชน์ต่อไป
