ผอ.สุวรรณภูมิ แจงเหตุเข้าชาร์จชายคลั่งบุกรุกเข้าพื้นที่เขตสนามบินยันทำตามขั้นตอน เน้นความปลอดภัยเจ้าหน้าที่–ผู้ใช้บริการ ขณะที่ตำรวจตั้ง 7 ข้อหา เตรียมคุมตัวส่งฟ้องศาลพรุ่งนี้
วันที่ 4 พ.ค. 2565 นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย พ.ต.อ.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกันแถลงข่าว พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีมีผู้บุกรุกเข้าพื้นที่เขตสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา
นายกิตติพงศ์กล่าวว่า หลังมีชายคนก่อเหตุขี่จักรยานยนต์เข้ามา เจ้าหน้าที่บริเวณนั้นได้เข้าไปห้าม เพราะเป็นพื้นที่ห้ามไม่ให้จักรยานยนต์เข้ามาและเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าใกล้ชายคนดังกล่าวได้ชักอาวุธปืนขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องหลบเข้าที่กำบัง ระหว่างนั้นมีรถของเจ้าหน้าที่สายการบินที่ผ่านการตรวจแล้วขับเข้ามา ทำให้ชายคนดังกล่าวใช้จังหวะนั้นขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าเข้าในเขตลานบิน
นายกิตติพงศ์กล่าวว่า ต้องบอกว่าตั้งแต่วินาทีแรกที่ผู้บุกรุกเข้ามา อยู่ในสายตาตลอดเวลา เรามีการติดตามและแจ้งหน่วยสกัด ทำให้การจับกุมใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 10 นาที โดยสุดท้ายเขาขี่รถจักรยานยนต์ประสบอุบัติเหตุล้มลง แล้ววิ่งหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตามคลิป และวิ่งหนีไปยังที่เทียบเครื่องบิน ใช้ขวานจามประตูกระจกแตก หลังจากผู้บุกรุกตีกระจกแตก เจ้าหน้าที่ติดตามเข้าไปพูดคุยกับผู้บุกรุก และตัดสินใจเข้าชาร์จตัว ซึ่งระหว่างที่เจ้าหน้าที่ติดตามผู้บุกรุกได้มั่นใจว่าปืนที่ใช้เป็นปืนปลอม
นายกิตติพงศ์กล่าวว่า วินาทีที่เจ้าหน้าที่ตัดสินใจเข้าชาร์จผู้ก่อเหตุต้องมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องปลอดภัย เพื่อไม่ให้ผู้บุกรุกเข้าไปชั้นในอาคารผู้โดยสารได้ การปฏิบัติทั้งหมดได้คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของผู้โดยสาร รวมทั้งความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ทุกนาย ดังนั้น ทั้งหมดได้ทำตามขั้นตอนที่กำหนดไว้

นายกิตติพงศ์กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นตามลำดับชั้นสมบูรณ์ทุกขั้นตอน รวมถึงได้รายงานให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทราบทันทีที่เกิดเหตุ โดยนายศักดิ์สยามให้เร่งดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้ทำตามกฎหมาย พร้อมกำชับให้มุ่งเน้นการให้บริการตามมาตรฐานและความปลอดภัย ผู้โดยสารต้องรู้สึกว่าปลอดภัย
นายกิตติพงศ์ ได้ตอบคำถามถึงขั้นตอนการเข้าระงับเหตุ โดยระบุว่าการสกัดกั้นโดยรถยนต์ขับวนล้อมผู้ก่อเหตุเป็นแผนตามการฝึก ไม่ได้ทำมั่วๆ การทำงานมีขั้นตอน ระหว่างเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการมีการพูดคุย ศูนย์สั่งการตลอดเวลา เมื่อเขาล้มเจ้าหน้าที่ต้องชาร์จเพื่อยุติเหตุการณ์ ไม่อยากเห็นภาพเขาหลุดเข้าไปด้านใน เหตุการณ์จะยิ่งบานปลาย เรามุ่งเน้นความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่เป็นสำคัญ
ผอ.สุวรรณภูมิกล่าวเพิ่มเติมว่า หลังเกิดเหตุขึ้นแล้วเราต้องมามองในระบบทางกายภาพต่างๆ ของเรา เช่น ตัวที่กั้นรถเข้าจะกั้นได้เฉพาะรถยนต์ เราอาจจะต้องมีการปรับปรุงระบบ เมื่อเคสนี้เกิดขึ้นแล้วเราต้องนำมาศึกษาเพื่อปรับปรุงเรื่องความปลอดภัยอย่างไรต่อไป
นายกิตติพงศ์ ได้ตอบคำถาม เรื่องการนำปืนไฟฟ้ามาใช้ในสนามบินว่า ที่สนามบินสุวรรณภูมิยังไม่มีใช้ ซึ่งปืนไฟฟ้าเป็นสิ่งที่สนามบินหลายแห่งทั่วโลกนำกลับใช้ หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นเราคงต้องกลับมาพิจารณาเพิ่มเติมเรื่องอาวุธที่เจ้าหน้าที่ใช้เป็นอุปกรณ์คู่กายแต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เราจะใช้ด้วย
นายกิตติพงศ์ อธิบายเพิ่มเติมถึงช่วงเวลาเกิดเหตุ ว่าเป็นจังหวะที่เจ้าหน้าที่ไม่มีอาวุธประจำอยู่ที่กาย แต่เหตุการณ์อยู่ในสายตาของศูนย์ตลอด เราพยายามเข้าพื้นที่เร็วที่สุด จบเหตุการณ์ใน 10 นาที โดยมุ่งเน้นความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และผู้โดยสารในอาคาร

พ.ต.อ.จิรวัฒน์กล่าวว่า ขณะนี้แจ้งทั้งหมด 7 ข้อหาคือ 1.ใช้อาวุธกระทําการเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยาน 2.บุกรุก 3.ทำให้เสียทรัพย์ 4.พาอาวุธ (ขวาน) ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร 5.มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 6.เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 และ 7.ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยใช้กำลังประทุษร้าย
พ.ต.อ.จิรวัฒน์กล่าวว่า เมื่อวานผู้ต้องหาพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง เมื่อคืนนี้เจ้าหน้าที่ตรวจหาสารเสพติดในตัวผู้ต้องหา พบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย เช้านี้เริ่มมีสติโต้ตอบ เบื้องต้น จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ในบางพลี มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ช่วงปี 2557 เคยโดนจับยา 2 คดี ทั้งนี้ ตามกำหนดแล้วต้องส่งศาลวันพรุ่งนี้ วันนี้หยุดราชการ










