บริษัท ‘ไต้หวัน’ เกิน 25% ย้ายฐานการผลิตออกจาก ‘จีน’ แล้ว

บริษัท ‘ไต้หวัน’ เกิน 25% ย้ายฐานการผลิตออกจาก ‘จีน’ แล้ว

ผลสำรวจของศูนย์ยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษา (CSIS) จากสหรัฐฯ พบว่า บริษัทสัญชาติไต้หวัน เกิน 1 ใน 4 มีความกังวลต่อการพึ่งพาตลาดจีนมากเกินไป จึงย้ายการผลิตบางส่วนออกจากจีน โดยส่วนมากย้ายไปอาเซียน และอีกส่วนหนึ่งย้ายกลับประเทศตนเอง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้เพิ่มแรงกดดันทางการเมือง เศรษฐกิจ และการทหารต่อไต้หวัน โดยจีนมีคำสั่งห้ามการนำเข้าจากไต้หวันและเปิดตัวการฝึกซ้อมทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

CSIS ได้ทำการสำรวจในช่วงปลายเดือน ก.ค. ก่อนการเยือนของประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี เปโลซี ที่ไทเป จากการสอบถามผู้บริหารบริษัทไต้หวันกว่า 500 รายพบว่า จำนวนกว่า 3 ใน 4 (76.3%) คิดว่าไต้หวันจำเป็นต้องลดการพึ่งพาทางเศรษฐกิจจีนลง 

บริษัทไต้หวันเกิน 1 ใน 4 (25.7%) ระบุว่า ปัจจุบันได้ย้ายการผลิตหรือการพึ่งพาวัตถุดิบบางส่วนออกจากประเทศจีนแล้ว และบริษัท 1 ใน 3 ระบุว่ากำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่

ที่น่าสนใจคือ บริษัทที่กำลังย้ายฐานการผลิต ส่วนใหญ่ (63.1%) ระบุว่า กำลังย้ายไปประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเกือบครึ่งระบุว่าจะย้ายกลับไปไต้หวัน 

โดยก่อนหน้านี้ ในปี 2559 ประธานาธิบดีไช่ อิง เหวิน ได้เปิดตัวนโยบายต่างประเทศที่เรียกว่า นโยบายมุ่งใต้ใหม่ (NSP) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไต้หวันกำลังมุ่งเข้าหาประเทศเพื่อนบ้านและพันธมิตรประเทศเอเชียที่อยู่ทางใต้ของไต้หวัน และกระจายตัวออกจากตลาดจีน 

ความคิดริเริ่มของไช่ อิง เหวิน นั้นให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน การค้า และการลงทุนของไต้หวันกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศอื่นๆ

Chen Kuan-ting ซีอีโอของมูลนิธิ Taiwan NextGen Foundation กล่าวว่า NSP ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ที่ใหญ่สำหรับไต้หวัน ซึ่งนักลงทุนชาวไต้หวันพยายามสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีไต้หวันยังกล่าวใน Yushan Forum ซึ่งเป็นการเจรจาระดับภูมิภาคที่จัดโดยมูลนิธิแลกเปลี่ยนไต้หวัน-เอเชียในเมืองไทเปว่า บริษัทไต้หวันได้เพิ่มการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอัตรามหาศาล

โดยตั้งแต่เดือน ม.ค. – ก.ค. ที่ผ่านมา การลงทุนจากไต้หวันใน 18 ประเทศ NSP มีจำนวนเกิน 2.2 พันล้านดอลลาร์แล้ว คิดเป็น 43.9% ของการลงทุนภายนอกทั้งหมดของไต้หวัน

อย่างไรก็ตาม การขยายธุรกิจของบริษัทไต้หวันต้องเผชิญกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะประชาธิปไตยกำลังถอยหลังกลับในหลายๆ ประเทศ ตั้งแต่กัมพูชาไปจนถึงเมียนมาร์

นั่นแปลว่าประเทศเหล่านี้มีการแนวโน้มไปทางระบอบเผด็จการมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้ขัดต่อผลประโยชน์ของไต้หวัน

CSIS สรุปว่า จีนจำเป็นต้องพยายามหยุดวิกฤตความเชื่อมั่นนี้ และไต้หวันต้องหาจุดสมดุลระหว่างการกระจายความเสี่ยงออกจากจีน

นอกจากนี้ยังแนะนำว่า ไต้หวันจำเป็นต้องเพิ่มการสนับสนุนในด้านการวิจัยและพัฒนา การศึกษา พลังงาน และองค์ประกอบอื่นๆ ที่ช่วยให้บริษัทไต้หวันสามารถแข่งขันในระดับสากลได้มากขึ้นในอนาคต

ที่มา : 

https://asia.nikkei.com/Politics/International-relations/Taiwanese-companies-in-China-flocking-to-Southeast-Asia-survey

แท็กที่เกี่ยวข้อง
ปัณฑ์ชนิตWriterปัณฑ์ชนิต
Journalist Intern ไฟแรง พร้อมเสิร์ฟบทความเด่น ประเด็น ร้อนด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ การตลาด อัพเดตเทรนด์ใหม่ทั้งในและต่างประเทศ มาอยู่ตรงหน้าคุณ

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง