FSMART เจ้าของตู้บุญเติมและ ‘เต่าบิน’ ประกาศงบไตรมาสแรกปี 2566 กำไรเพิ่ม 42.7% จากไตรมาสก่อน โดย ‘เต่าบิน’ มียอดขายรวม 575 ล้านบาท ขายเครื่องดื่มไป 18.6 ล้านแก้ว
‘ณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART เจ้าของตู้ ‘บุญเติม’ และ ‘เต่าบิน’ เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2566 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 511 ล้านบาท กำไร 77.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2565 ที่มีกำไร 54.4 ล้านบาท
เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคฟื้นตัวขึ้น จากมูลค่าการทำรายการ 8,768 ล้านบาท มากกว่าไตรมาสก่อน ด้วยบริการของบริษัท 3 ช่องทาง ทั้งตู้บุญเติม เคาน์เตอร์แคชเชียร์ และแอปพลิเคชั่นบนมือถือ โดยบริการฝากเงินและโอนเงินผ่านตู้บุญเติม มีจำนวนการทำรายการเฉลี่ย 1.51 ล้านรายการต่อเดือน เติบโตขึ้นกว่าไตรมาสก่อนเช่นกัน

ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้นบริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด ผู้บริหารจัดการตู้เต่าบิน 26.71% โดย ไตรมาสนี้ยอดขายรวมของเต่าบินอยู่ที่ 575 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 342.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565
โดยจำนวนการขายรวม 18.6 ล้านแก้ว เพิ่มขึ้น 7.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 409.62% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565
ยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากการเพิ่มจำนวนตู้เต่าบิน โดยไตรมาส 1/2566 มีตู้อยู่ทั้งหมด 5,537 ตู้ ทั่วประเทศ เพิ่มขึ้น 595 ตู้ หรือคิดเป็น 12% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา
โดยในช่วงไตรมาส 1/2566 เพิ่มจำนวนจุดติดตั้งน้อย เนื่องจากบริหารตู้ที่มียอดขายไม่เป็นไปตามเกณฑ์ โดยการโยกย้ายจุดติดตั้งตู้ที่มีรายได้น้อยไปยังจุดที่มีรายได้ดีด้วยต้นทุนการย้ายที่น้อยและสะดวก ประกอบกับมีวันหยุดยาวต่อเนื่องหลายครั้งและเป็นช่วงปิดเทอม
อย่างไรก็ตาม ยอดขายเครื่องดื่มเต่าบินยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเต่าบินยังคงรังสรรค์เมนูใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมา เพื่อให้เข้ากับเทศกาล เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองเมนูใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย รวมทั้งจัดรายการส่งเสริมการขายผ่านตู้เต่าบินอย่างต่อเนื่อง
โดยปีนี้ตู้เต่าบินยังคงขยายการติดตั้งเพิ่มตามแผน 10,000 ตู้ รวมทั้งจัดรายการส่งเสริมการขาย เพื่อสร้างความต้องการซื้อจากลูกค้าประจำและเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่อีกทางหนึ่ง
สำหรับการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นในการสร้างการเติบโตโดยรวมไม่น้อยกว่า 5-10% โดยมีงบลงทุนรวมประมาณ 1,500 ล้านบาทเพื่อบริหารจัดการ 3 กลุ่มธุรกิจให้มีศักยภาพมากขึ้น ได้แก่
ธุรกิจเติมเงิน-รับชำระเงินอัตโนมัติ บริษัทจะเพิ่มช่องทางการให้บริการเคาน์เตอร์แคชเชียร์เพิ่มอีกอย่างน้อย 2 ราย เพื่อรักษาลูกค้าประจำกว่า 15 ล้านราย และส่งเสริมลูกค้าใหม่มาใช้บริการ
ส่วนกลุ่มธุรกิจบริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจร ผลักดันการถอนเงินด้วยบัตรผ่านตู้บุญเติม เพิ่มเติมจากการเป็นตัวแทนธนาคาร ให้บริการฝาก-โอน-ถอนเงินสดผ่านตู้บุญเติม และ e-KYC เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวก ใช้งานง่าย เปรียบเสมือนธนาคารชุมชนที่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ต่อยอดธุรกิจสินเชื่อ ด้วยสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อผ่อนชำระสินค้า (Buy now pay later: BNPL) พร้อมกับการเพิ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยการให้วงเงินสินเชื่อผ่านการผูกบัญชีเพื่อชำระค่าสินค้ารายเดือนผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการบริหารการเรียกเก็บหนี้และบริหารหนี้ให้มีประสิทธิภาพ
ขณะที่กลุ่มธุรกิจอนาคตอย่างเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า ยังคงเป็นเรือธงที่สร้างผลตอบแทนให้กับบริษัททั้งปัจจุบันและอนาคต โดยคาเฟ่อัตโนมัติ “เต่าบิน” พัฒนาตู้ให้สามารถขายได้ 400 แก้ว ต่อการเติมวัตถุดิบ 1 รอบ พร้อมทั้งเพิ่มเมนูใหม่ ๆ การโฆษณาสื่อสารและจัดแคมเปญตลอดทั้งปี ส่งผลดีต่อการขยายตู้เพิ่มเป็น 10,000 ตู้ได้ตามแผนในปีนี้)
ส่วนเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า GINKA Charge Point นั้น อยู่ระหว่างการผลิต และคาดว่าจะติดตั้งได้ช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ มีเป้าหมายติดตั้งในพื้นที่ปิดตามคอนโด ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
รวมทั้งเร่งออกเคาน์เตอร์อัตโนมัติ ขายเครื่องดื่มชงสด ขายก๋วยเตี๋ยว และขายอาหารประเภทอื่น ๆ ในรูปแบบใหม่ EV Station และร้านคาเฟ่อัตโนมัติที่มีที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 5,000 จุดในหนึ่งปี เพื่อรวบรวมผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของบริษัทและบริษัทในเครือให้ครบวงจร เป็น Community อัตโนมัติที่ผู้ใช้ให้บริการด้วยตนเอง ซึ่งทั้งหมดจะเป็นแผนธุรกิจที่ต่อเนื่อง และสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอให้กับบริษัทในอนาคต
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง:










