
ตำรวจท่องเที่ยวร่วมกับสนามบินสุวรรณภูมิจับ คนขับแท็กซี่ กดมิเตอร์เรียกค่าโดยสารแพงถึง 10 เท่าจากราคาปกติ เป็นจำนวนเงินถึง 3985 บาท หลังนักท่องเที่ยวเรียกจากสุวรรณภูมิไปข้าวสาร
วันที่ 21 มิ.ย. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(20 มิ.ย. 62) เวลา 16.30 น. นายกิตติพงศ์. กิตติขจร รองผู้อำนายการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ , พ.ต.อ.สุรชัช สุวรรณศรี ผกก.3 บก.ทท.1 และนายสมชัย ราชแก้ว หัวหน้าฝ่ายตรวจการกรมการขนส่งทางบก ร่วมกันแถลงข่าว บริเวณ ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสามารถจับกุม นายเสวยคือ อายุ 57 ปี คนขับรถแท็กซี่สาธารณะ สีชมพู ในข้อหา “แก้ไขดัดแปลงอุปกรณ์ส่วนควบ(ดัดแปลงมาตรมิเตอร์) และเรียกเก็บค่าโดยสารหรือค่าบริการเกินอัตราที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง”
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนายการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เผยว่า เมื่อวันที่19 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.40 น. ตำรวจ3 บกก.ทท.1 (ท่าอากาศ ยานสุวรรณภูมิ) ได้รับแจ้งจากสายด่วน1155 ว่ามีนักท่องเที่ยวชื่อ MR.JAMES ALEXANDER LOAKES สัญชาติอังกฤษ ร้องเรียนคนขับรถแท็กซี่สาธารณะเรียกเก็บค่าโดยสารเกินอัตรา จึงได้ติดต่อกับนักท่องเที่ยวให้เข้าพบเจ้าหน้าที่

จากการสอบถาม ได้ความว่า MR.JAMES ได้โดยสารรถแท็กซี่สาธารณะจากสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางไปยังถนนรามบุตรี(ใกล้ๆกับถนนข้าวสาร) โดยคนขับได้กดมิเตอร์โดยสารแต่เมื่อถึงที่หมาย ค่าโดยสารที่ปรากฏบนมิเตอร์ เป็นจำนวนเงิน 3,985 บาท สูงเกินความเป็นจริง MR.JAMES เชื่อว่าคงถูกหลอกจึงเข้าร้องเรียน
ตำรวจจึงเข้าตรวจสอบกับศูนย์รถแท็กซี่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทราบว่า ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ ผู้ขับขี่รถแท็กซี่คันดังกล่าวคือ นายเสวยคือ อายุ 57 ปี ขับขี่รถแท็กซี่สาธารณะ สีชมพู ตำรวจจึงติดตามหาผู้ขับขี่รถแท็กซี่คันดังกล่าว เพื่อให้เข้าพบ กก.3 บก.ทท.1 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ต่อมานายเสวยคือ ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ พร้อมกับแท็กซี่ที่ใช้ก่อเหตุ วานนี้(20 มิ.ย. 62)

เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในรถแท็กซี่คันดังกล่าวพบว่า มีการติดตั้งดัดแปลงมาตรวัดมิเตอร และติดตั้งวงจรไฟฟ้าสวิตซ์ลับบริเวณเกียร์รถยนต์ เพื่อเพิ่มราคาค่าโดยสารโดยผิดกฎหมาย
นายเสวยคือรับสารภาพว่าได้ดัดแปลงแก้ไขมาตรวัดมิเตอร์เพื่อให้ค่าโดยสารเพิ่มขึ้นจริง โดยอ้างว่าทำการดัดแปลงด้วยตนเอง จากคำบอกกล่าวของคนขับในวงการแท็กซี่ เบื้องต้นทางสนามบินสุวรรณภูมิได้ลงโทษขั้นเด็ดขาดคือเบิกถอนใบอนุญาตเข้ามารับส่งผู้โดยสารภายในสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง

ขณะที่นายสมชัย ราชแก้ว หัวหน้าฝ่ายตรวจการกรมการขนส่งทางบก ได้เรียกตัวนายเสวยคือให้เข้ารับการอบรมจำนวน 3 ชั่วโมง พร้อมทั้งสั่งปรับในข้อหา “แก้ไขดัดแปลงดัดแปลงอุปกรณ์ส่วนควบ (ดัดแปลงมาตรมิเตอร์)” โดยจะมีโทษปรับสูงสุด2,000 บาท และข้อหา“เรียกเก็บค่าโดยสารหรือค่าบริการ เกินอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงไว้” ซึ่งจะมีโทษปรับสูงสุด5,000บาท ตาม พรบ.รถยนต์ พ.ศ.2522 กรมการขนส่งทางบกได้พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้ต้องหา3เดือน ซึ่งพฤติกรรมของผู้ต้องหารายนี้ถือได้ว่า เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวของประเทศ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนตรวจสอบขยายผลจะได้ ผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป










