ปลดรับต้นปี 2024 วงการเทคเลย์ออฟแล้วกว่า 7,000 คน หรือจะซ้ำรอยปี 2023

ข้อมูลจากเว็บไซต์ Layoffs.fyi เครื่องมือติดตามการประกาศปลดพนักงานของบริษัทเทคโนโลยีระบุว่า ในปี 2023 ที่ผ่านมา มีคนโดนปลดจากรวมกันมากกว่า 260,000 จากการปลดของบริษัทเทคโนโลยี 1,150 แห่ง ถือเป็นปีแห่ง Great Tech Layoffs

แต่พอเปิดปี 2024 มาได้ไม่กี่วัน บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่และรายเล็ก ก็ประกาศเลย์ออฟติดๆ กันอีกครั้ง ใน 15 วัน มีคนโดนเลย์ออฟ 7,528 คน จากบริษัท 48 แห่ง เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้นึกถึงบรรยากาศในปี 2023

น่าสงสัยและขบคิดว่าปีแห่งการเลย์ออฟในวงการเทคโนโลยีจะยังไม่จบง่ายๆ และอาจจะเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น เพราะ AI ก็ทวีความสามารถเก่งกาจมากขึ้น ทำงานรูทีนแทนคนได้ และยังเขียนโปรแกรมแทนเราได้ในเวลาไม่กี่นาที

[ เปิดปี 2024 มีบริษัทเทคโนโลยีไหนเลย์ออฟบ้าง ]

ถือเป็นข่าวช็อกรับต้นปี เมื่อ Amazon เลย์ออฟหลายยูนิตโดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวกับคอนเทนต์ สตรีมมิ่ง ทั้ง Prime Video, Twitch, Audible และ Amazon MGM Studios โดยแต่ละยูนิตปลดกันหลัก 100-500 คน

นอกจากนั้น New York Times รายงานว่า Google เลิกจ้างพนักงานหลายร้อยคนในหลายแผนก รวมถึงทีมวิศวกรรมและฮาร์ดแวร์ และพนักงานที่พัฒนาผู้ช่วยเสมือน Google Assistant

Unity Software ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์วิดีโอเกมประกาศว่าจะลดพนักงาน 1 ใน 4 (ประมาณ 1,800 ตำแหน่ง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างใหม่เพื่อวางตำแหน่งตัวเองเพื่อการเติบโตในระยะยาวและสร้างผลกำไร

แอปเรียนภาษา Duolingo เป็นอีกกรณีที่น่าสนใจ ที่ปลดเพราะใช้ AI แทนคนได้เลย โดยปลด พนักงานสัญญาจ้างลง 10% เนื่องจากบริษัทหันไปใช้ AI ในการสร้างเนื้อหาการเรียนการสอน

ขณะเดียวกัน Jason Citron ซีอีโอของ Discord ประกาศว่าแพลตฟอร์มจะลดพนักงานลง 17% หรือราว 170 คน

นอกจากบริษัทใหญ่ที่เรารู้จักกันแล้ว ยังมีบริษัทเล็ก สตาร์ทอัปรายเล็กที่ปลดคนกันอีกมากในปี 2024

[ ซ้ำรอยปี 2023 หรือไม่ ]

เหตุผลที่ทำให้ ปี 2023 เป็นปีแห่ง Great Tech Layoffs คือโควิด-19 จู่ๆ คนทั่วโลกก็ต้องหันมาพึ่งพาบริการและอุปกรณ์เทคโนโลยีเพื่อให้ดำรงชีวิตและทำงานได้โดยไม่ต้องออกไปข้างนอก ทำให้บริษัทจ้างคนแบบโหมกระหน่ำ เพื่อหาคนมาทำงานรองรับดีมานด์การใช้เทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น

แต่เมื่อสถานการณ์ โควิด-19 คลี่คลาย ผลจากการ over hiring หรือการจ้างคนมากเกินไปเริ่มสำแดง ยอดขายฮาร์ดแวร์ซอฟต์แวร์ลดลง คนใช้แอปพลิเคชันเดลิเวอรี่ สตรีมมิ่ง เกม น้อยลงเพราะต้องกลับไปใช้ชีวิตปกติ ทำให้บริษัทน้อยใหญ่ต้องโละคนออกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่การเลิกจ้างเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าปี 2024 จะโหดร้ายเท่ากับปีที่ผ่านมา การลดจำนวนพนักงานในปีนี้ ถือว่ายังน้อยกว่าที่เกิดขึ้นในปลายปี 2022 และ 2023 เมื่อ Google, Amazon และ Meta เลิกจ้างพนักงานหลายพันคนหลังจากการเติบโตเร็วเกินไป

Rachel Sederberg นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากบริษัทวิเคราะห์แรงงาน Lightcast มองว่า ภาคธุรกิจเทคโนโลยีโดยรวมยังไปได้ดี เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นหลังจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงโควิด-19 การเลย์ออฟระลอกล่าสุดนี้ ดูเป็นการปรับทิศทางธุรกิจภายในมากกว่า ซึ่งถือเป็นวิธีปกติขององค์กรธุรกิจ

ส่วนประเด็น AI แทนคนนั้น ก็สามารถเกิดขึ้นได้ (อย่างที่เกิดขึ้นมาแล้วในกรณีของ Duolingo) แต่ Generative AI ก็มีส่วนช่วยสร้างตำแหน่งงานใหม่ๆ รวมถึงการโอบรับ AI เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การทำธุรกิจ ทำให้ต้องมีคนทำงานที่รู้งาน Generative AI เข้ามาทำงาน ตอกย้ำความสำคัญของการรีสกิลที่คนทำงานได้ยินกันมาหลายต่อหลายปี

Daniel Keum รองศาสตราจารย์ด้านการจัดการของ Columbia Business School กล่าวว่าในขณะที่บริษัทต่างๆ มองหาวิธีใช้และสร้างรายได้จากระบบอัตโนมัติและ Generative AI ในขณะเดียวกันก็จะมีการนำ Generative AI มาปรับสมดุลตำแหน่งงานในองค์กรด้วย

หลังจากเกิดการเลย์ออฟขนานใหญ่ในปี 2023 ก็เกิดการถ่ายโอนแลกเปลี่ยนคนทำงานกันในกลุ่มบริษัทใน Silicon Valley ข้อมูลจาก Karat แพลตฟอร์มสัมภาษณ์งานเทคโนโลยีเผยว่า ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีปลดคน บริษัทอื่นที่ไม่ได้โฟกัสเทคโนโลยีเป็นหลักก็ได้คนทำงานเข้ามาเพิ่ม ประสบความสำเร็จในการจ้างผู้สมัคร 9 รายจากทุกๆ 10 รายที่มีการยื่นข้อเสนอไป

จึงเป็นไปได้ว่าการเลย์ออฟในปี 2024 ก็อาจนำไปสู่สถานการณ์เดียวกันคือ คนจะหางานทำในบริษัทที่ไม่ได้เป็นบริษัทเทคโนโลยีโดยตรง แม้ว่าบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จะปรับลดพนักงานลงจำนวนมาก ซึ่งขัดกับการเติบโตและความมั่นคงที่ดำเนินมาหลายปี แต่คนทำงานด้านเทคโนโลยีก็สามารถหางานในภาคส่วนอื่นๆ ได้ เช่น รัฐบาล การผลิต และการเกษตร และน่าจะมีไม่น้อยที่มองว่าการเลิกจ้าง เป็นโอกาสในการก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพของตนเอง

ที่มา