TikTok ไม่เพียงเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ Facebook เท่านั้น แต่ Google รวมถึง YouTube ก็ต้องร้อนๆ หนาวๆ ด้วย เพราะจากงานวิจัยล่าสุดชี้ให้เห็นว่า เด็กและวัยรุ่นใช้เวลาบน TikTok มากกว่า YouTube แล้ว
ตัวข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ในปีที่แล้ว (2021) เด็กและวัยรุ่นรับชม TikTok เฉลี่ย 91 นาทีต่อวัน เทียบกับ YouTube ใช้เวลาเฉลี่ย 56 นาทีต่อวัน
ข้อมูลนี้มาจาก Qustodio ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ parental control (ตัวควบคุมการใช้งานออนไลน์ของเด็ก) โดยใช้การวิเคราะห์จาก 400,000 ครอบครัว โดยทำข้อมูลออกมาเป็นค่าเฉลี่ยรวมๆ ซึ่งเด็กๆ จะใช้เวลาในแต่ละแอปต่างกันไป ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบข้อมูลด้านบนเป๊ะๆ ทุกวัน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ TikTok แซง YouTube ก่อนหน้านี้ Qustodio เคยออกรายงานการใช้งานเน็ตในวัยรุ่นมาแล้ว โดยในปี 2019 ตอนนั้น YouTube ยังนำหน้า TikTok อยู่ (วัยรุ่นใช้เวลาโดยเฉลี่ย 48 นาทีบน YouTube ส่วน TikTok เป็น 38 นาที)
แต่พอมาในเดือน มิ.ย. 2020 ซึ่งเป็นช่วงพีคของโรคระบาด พบว่า TikTok แซงขึ้นมา เด็กๆ และวัยรุ่นใช้เวลาโดยเฉลี่ย 75 นาทีต่อวันบน TikTok เทียบกับ YouTube เฉลี่ย 64 นาที
และเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยปี 2021 ทำให้ยิ่งเห็นว่าเด็กๆ ใช้เวลากับ TikTok มากขึ้น (ปี 2021 เฉลี่ย 91 นาทีต่อวัน – ปี 2020 เฉลี่ย 75 นาทีต่อวัน)
และเมื่อเจาะดูเป็นรายประเทศ ซึ่ง Qustodio ทำมา 3 ประเทศ ก็พบตัวเลขที่น่าทึ่ง ตัวอย่างเช่น เด็กและวัยรุ่นในสหรัฐอเมริกาในปีที่แล้วใช้เวลาโดยเฉลี่ย 99 นาทีต่อวันบน TikTok เทียบกับ 61 นาทีบน YouTube ในสหราชอาณาจักร การใช้งาน TikTok สูงถึง 102 นาทีต่อวัน เทียบกับ 53 นาทีบน YouTube
คนใช้เวลาไปกับการดูวิดีโอบน TikTok นั้น พอเข้าใจได้ เพราะอัลกอริทึม และการเป็นคลิปสั้นแปปเดียวจบ ทำให้เราดูได้เรื่อยๆ (อาจถึงขั้นเสพติด) แต่ใครจะคิดว่า แม้แต่การค้นหาข้อมูล คนก็ใช้ TikTok เป็นเครื่องมือค้นหาด้วยเหมือนกัน
Prabhakar Raghavan รองประธานอาวุโส ผู้บริหารองค์กร Knowledge & Information ของ Google พูดเรื่องนี้ในงานสัมมนา Fortune’s Brainstorm Tech ว่า
“ในการศึกษาของเรา คนหนุ่มสาวเกือบ 40% ใช้ TikTok หรือ Instagram ในการหาที่กินข้าว แทนที่จะเข้าไปค้นหาที่ Google Maps หรือ Search”
เว็บไซต์ TechCrunch พยายามยืนยันข้อมูลนี้กับทาง Google อีกครั้ง ซึ่งก็ยอมรับว่าเป็นความจริง เป็นผลการสำรวจคนอเมริกันในกลุ่มอายุ 18-24 ปี
Raghavan ยังบอกอีกว่า จากการเรียนรู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พบว่าผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตหน้าใหม่ๆ มีความคาดหวัง และทัศนคติที่เราไม่คุ้นเคย
ส่วนหนึ่งคือวัยรุ่นสมัยนี้ ไม่เคยเห็นแผนที่แบบกระดาษมาก่อน (คุณไม่ใช่คนเดียวที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกแก่) แต่ Google Maps พยายามเอาแผนที่กระดาษมาอยู่บนมือถือ บวกฟังก์ชั่น AR กับข้อมูลเพิ่มให้รอบด้าน ซึ่งไม่ตรงกับความคาดหวังของคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้
Raghavan บอกด้วยว่า โจทย์ต่อจากนี้ คือต้องสร้างใหม่ทั้งหมด ต้องใช้เทคโนโลยีใหม่ทั้งหมด
การเข้ามาของ TikTok สะเทือนโลกโซเชียลมีเดียที่อยู่มานาน หนึ่งในการแก้เกมคือ เปิดฟีเจอร์คลิปสั้นมาสู้ อย่าง Facebook มี Reels และ YouTube มี YouTube Shorts ซึ่งต้องดูต่อไปในระยะยาวว่า จะกู้บัลลังก์ได้หรือไม่ หรือจะขึ้นแท่นเป็นแพลตฟอร์มที่มีแต่ผู้ใหญ่ใช้กันต่อไป
