‘สงครามราคาสุกี้’ ที่ 2 เจ้าใหญ่อย่าง ‘สุกี้ตี๋น้อย’ และ ‘MK สุกี้’ แข่งกันจัดโปรโมชั่น ท่ามกลางการวิเคราะห์จากหลายกูรูก่อนหน้าว่า เกมสงครามราคานี้ใครจะอึดและสายป่านยาวกว่ากัน เพราะล่าสุดผลลัพธ์ในแง่การเงิน ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์ประกาศงบ 9 เดือนแรกของปี 2568 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผลสรุปคือกำไร “ลดลงทั้งคู่”
[ สุกี้ตี๋น้อยโพสต์ยอมรับกำไรลดลง แต่ลูกค้ากลับมากขึ้น ]
เริ่มจากฝั่งสุกี้ตี๋น้อยเริ่มสงครามสุกี้ด้วยการลดราคา 50% บ้าง เพิ่มเมนูใหม่อย่างเป็ด เพิ่มเนื้อออส รีบเร่งขยายสาขา พร้อมเปิดแบรนด์ใหม่แบบพรีเมียม Teenoi Gold และอื่นๆ อีกมากมาย
ซึ่งถ้ามาดูในงบของ JMART ที่ถือหุ้นสุกี้ตี๋น้อยอยู่ 30% แกะงบการเงิน 9 เดือนแรกของปี 2568 จะคิดได้คร่าวๆ ว่าสุกี้ตี๋น้อยทำกำไร 800 ล้านบาท
แบ่งเป็น
-
-
-
- ไตรมาส 1 กำไร 271 ล้านบาท -2% YOY
- ไตรมาส 2 กำไร 311 ล้านบาท -7% YOY
- ไตรมาส 3 กำไร 221 ล้านบาท – 21 YOY
-
-
รวมทั้ง 9 เดือนแรกปีนี้ สุกี้ตี๋น้อยกำไรลดลง 30% โดยรายได้และกำไรที่ไม่ต้องแกะผ่านงบ JMART ต้องรอช่วงต้นปีหน้า (ปี 2569)
โดยที่เพจสุกี้ตี๋น้อยก็ออกมาโพสต์ว่า “JMART! ตี๋น้อยขอโทษ กำไรลดลงจากปีก่อนราว 30% แต่พี่เฟิร์น (CEO) ขอบคุณลูกค้า& FC ด้วยการแจกฟรีลด 50% Q4 ขอจัดโปรฉ่ำๆ นะคะ”
และในแคปชั่นของโพสต์ยังระบุตัวเลขของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นว่า
-
-
-
- 9 เดือนแรกปี 67 ลูกค้า 19.6 ล้านคน / 74 สาขา
- 9 เดือนแรกปี 68 ลูกค้า 27.6 ล้านคน / 96 สาขา
-
-
แม้คนมากินเพิ่มขึ้นเกือบ 40% แต่กำไรกลับลดลง สะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้นจากการขยายสาขาและจัดโปรแรงต่อเนื่อง
เพจหลักของแบรนด์ยังใช้โอกาสนี้สื่อสารเชิงบวก โดยโพสต์คำพูดของ “เฟิร์น–นัทธมน” CEO ที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “อย่ามองกำไรสำคัญที่สุด เราต้องให้ลูกค้าก่อน แล้วทุกอย่างจะกลับคืนมาเอง”
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขนี้จะสะท้อนแรงกดดันทางกำไร แต่ในอีกมุมหนึ่งก็เผยให้เห็น “การเติบโตของฐานลูกค้า” ที่ยังแข็งแรง
[ เอ็มเคสุกี้ทำบุฟเฟ่ต์ช่วยยอดขายโตจริง แต่กำไรลดลง ]
สำหรับฝั่งเอ็มเคสุกี้ที่เพิ่งลงมาเล่นสนามบุฟเฟ่ต์ในช่วงไตรมาส 2 เริ่มจากทำราคา 299 บาทแบบธรรมดา และเปิดบุฟเฟ่ต์พรีเมี่ยมราคาเริ่มต้น 499-899 บาท เสิร์ฟทั้งเป็ด หมูแดง หมูกรอบ ที่คิดค้นสูตรโดยเชฟดัง พร้อมทั้งยังเปิดแบรนด์ลูกใหม่ “BONUS สุกี้” และอื่นๆ อีกมากมาย ก็มียอดขายที่โตขึ้นจริงแต่ก็มาพร้อมกำไรที่ลดลงเช่นกัน
โดยในงบ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ไตรมาส 3 ปี 2568 มีรายได้จากการขายและบริการ 3,884 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% จากปีก่อน แต่ กำไรสุทธิหดลงเหลือ 226 ล้านบาท ลดลงถึง 33.7% จาก 341 ล้านบาทในปีก่อนหน้า
ย้อนดูทั้ง 3 ไตรมาส จะพบว่า
-
-
-
- ไตรมาส 1 รายได้ 3,541 ล้านบาท กำไร 234 ล้านบาท (-33%)
- ไตรมาส 2 รายได้ 3,793 ล้านบาท กำไร 276 ล้านบาท (-31%) เพิ่งเริ่มทำบุฟเฟ่ต์ช่วงนี้
- ไตรมาส 3 รายได้ 3,884 ล้านบาท กำไร 226 ล้านบาท (-33.7%)
-
-
ตัวเลขในงบชี้ชัดว่า “รายได้โตแต่กำไรบาง” มาจากหลายปัจจัย เช่น
-
-
-
- อัตรากำไรขั้นต้นลดลง จาก 67.8% เหลือ 63.9%
- ค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้น ตามการรุกตลาดและค่าแรงที่สูงขึ้น
- ค่าใช้จ่ายเช่าและค่าเสื่อม พุ่งตามการขยายร้านและรีแบรนด์
- ค่าใช้จ่ายบริหารรวม เพิ่มขึ้น 3.6% จากปีก่อน
-
-
แม้แคมเปญบุฟเฟต์ 299 บาทจะช่วยให้ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) โต 5.4% โดยเฉพาะเดือนกันยายนที่พุ่งถึง 12% แต่แรงหนุนด้านยอดขายกลับถูกหักล้างด้วยต้นทุนที่สูงขึ้นทุกทาง
ทำให้งบรวม 9 เดือนแรกปีนี้ MK มีรายได้ 11,461 แต่ทำกำไรเพียง 735 ล้านบาท ลดลง -32.4% จากปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม แม้ทั้ง สุกี้ตี๋น้อย และ เอ็มเค สุกี้ จะต่างเดินเกมเร่งปริมาณ เพื่อช่วงชิงลูกค้าในตลาดบุฟเฟต์ที่ขยายตัวแรง แต่ภาพจากงบ 9 เดือนแรกปีนี้ก็ชี้ให้เห็นความจริงอีกด้านของธุรกิจอาหาร ยอดขายที่โต ไม่ได้หมายความว่ากำไรจะตามทันเสมอไป
ภาวะต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแรง และค่าใช้จ่ายหน้าร้านที่ยังพุ่ง ทำให้การจัดโปรเพื่อดึงลูกค้าอาจกลายเป็นเกมที่กินมาร์จินในระยะสั้น ขณะเดียวกันพฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่ม “ติดราคาโปรโมชั่น” ก็ยิ่งทำให้โจทย์ของแบรนด์ในอนาคตยุ่งยากกว่าเดิม
สุดท้ายแล้ว สงครามสุกี้อาจไม่ใช่การแข่งกันว่า ใครขายได้มากกว่า แต่คือการวัดว่า ใครจะหาสมดุลระหว่าง ‘ยอดขาย’ กับ ‘กำไร’ ได้ก่อน และจะรักษาความร้อนแรงของแบรนด์ไว้ได้ยาวนานกว่ากัน
ที่มา
-
-
-
-
- https://www.facebook.com/photo?fbid=1268561235305669&set=pb.100064554138013.-2207520000
- https://www.facebook.com/photo/?fbid=1268618391966620&set=pb.100064554138013.-2207520000
- https://www.set.or.th/th/market/product/stock/quote/M/financial-statement/company-highlights
- https://weblink.set.or.th/dat/news/202511/1145NWS121120251806181330T.pdf
- https://www.set.or.th/th/market/product/stock/quote/JMART/price
-
-
-
