การบินไทยเปิดอินไซต์ปี 2568 การท่องเที่ยวของคนไทยยังคงคึกคักและน่าจับตาอย่างยิ่ง โดยข้อมูลจากการบินไทยร่วมกับ Mastercard และ YouTrip บอกว่า ญี่ปุ่นยังคงเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่ง ที่ครองใจนักเดินทางไทย
แต่ที่น่าสนใจคือ ประเทศจีนกำลังขึ้นแท่นเป็น “ฮอตเดสติเนชัน” ด้วยอัตราการเติบโตสูงถึง 180% ในครึ่งปีแรก เมืองที่มาแรง ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ (เติบโต 80%) ปักกิ่ง กวางโจว และเฉิงตู ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการฟรีวีซ่าที่ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น และค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าญี่ปุ่นถึงสามเท่า อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากกระแสซีรีส์จีนย้อนยุคและ Soft Power ที่ปลุกเสน่ห์ด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ให้กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนไทยมากขึ้น
‘กิตติพงษ์ สารสมบูรณ์’ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แชร์ข้อมูลให้ฟังว่าจากสถิติผู้โดยสารคนไทยของการบินไทยช่วงมกราคมถึงกรกฎาคม 2567 เส้นทางยอดนิยม 5 อันดับแรกจากกรุงเทพฯ สู่เอเชีย ได้แก่ โตเกียว (นาริตะ), ฮ่องกง, โอซาก้า, สิงคโปร์ และเกาหลี (โซล) แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2568 โตเกียวยังคงครองแชมป์
ส่วนสิงคโปร์และเซี่ยงไฮ้ขยับขึ้นมาเป็นที่ 2 และ 3 แทนที่ฮ่องกงและโอซาก้า ส่วนโซล เกาหลีใต้ ยังติดท็อป 10”สำหรับเส้นทางยอดนิยมจากกรุงเทพฯ ที่คนไทยเลือกบินกับการบินไทยในปีนี้ ได้แก่ โตเกียว สิงคโปร์ และเซี่ยงไฮ้ ที่ขยับขึ้นมาติดท็อปสาม แทนที่โอซาก้าและฮ่องกง ขณะที่เกาหลีใต้ยังคงติดอันดับแต่ความนิยมแผ่วลงเล็กน้อย
“ที่น่าจับตาคือ กวางโจว ประเทศจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางที่มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน คนไทยไม่เพียงแต่ไปชอปปิ้ง แต่ยังสนใจพิพิธภัณฑ์ ประวัติศาสตร์ ชมเมือง และชิมสตรีตฟูดที่มีให้เลือกหลากหลาย ความนิยมนี้ยิ่งเพิ่มขึ้นภายหลังมาตรการฟรีวีซ่าของประเทศจีน ที่ทำให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น”
ส่วนเส้นทางที่น่าจับตาใหม่ๆ ได้แก่ โคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ที่เติบโตเกิน 100% แม้ต้องใช้วีซ่าแต่ขอได้ง่าย ค่าใช้จ่ายไม่สูง และเหมาะกับนักเดินทางสายมูที่สนใจอารยธรรมเก่าแก่
ในประเทศไทยเอง เทรนด์ท่องเที่ยวยังคงขึ้นอยู่กับฤดูกาล โดยหน้าหนาวไม่จำเป็นต้องพุ่งเหนืออย่างเดียว แต่อีสานก็เริ่มมาแรงด้วยคาเฟ่เท่ๆ ในขอนแก่น รวมถึงเสน่ห์ริมแม่น้ำโขงที่ตอบโจทย์ทั้งสายชิลและสายมงคล ขณะที่หน้าร้อนยังคงเป็นช่วงเวลาของการท่องเที่ยวภาคใต้ที่เต็มไปด้วยทะเลสวยและกิจกรรมกลางแจ้ง
[ นักท่องเที่ยวไทยยุคใหม่เน้น “หั่นเที่ยว ไม่หั่นทริป” ]
ด้าน จุฑาศรี คูวินิชกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง YouTrip ประเทศไทย แชร์อินไซต์ว่า ในครึ่งปีแรกของปี 2568 คนไทยเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนว่าการเที่ยวต่างประเทศกลายเป็นอีกหนึ่งไลฟ์สไตล์สำคัญ แต่จะเน้นการเที่ยวอย่างฉลาดมากขึ้นตามแนวคิด ‘หั่นเที่ยว ไม่หั่นทริป’ คือเปลี่ยนจุดหมายให้อยู่ในเอเชียแปซิฟิก แต่ยังคุ้มค่าคุ้มประสบการณ์ เช่น อยากไปลิสบอนก็เปลี่ยนเป็นมาเก๊า หรืออยากไปนิวยอร์กก็เลือกสิงคโปร์หรือฮ่องกง
ขณะเดียวกัน การวางแผนเดินทางก็อาศัยเทคโนโลยีมากขึ้น ทั้งการใช้ AI ช่วยจองและจัดตารางทริป รวมถึงการใช้ Multi-Currency Wallet อย่าง YouTrip ที่ทำให้จ่ายเงินสะดวกขึ้น นักท่องเที่ยวไทยยังใส่ใจเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมากกว่าเดิม โดยมีการแลกเงินล่วงหน้าเพิ่มขึ้นถึง 25%
[ นักท่องเที่ยวไทยยุคใหม่ หันมาเลือก “ฟูลเซอร์วิส” แบบจ่ายครั้งเดียวเพื่อความสบาย ]
สำหรับรูปแบบการเดินทาง นักท่องเที่ยวไทยหันมาเลือก ฟูลเซอร์วิส มากขึ้น เพราะมองว่าการจ่ายครั้งเดียวแต่ได้ครบทุกอย่าง ทั้งเครื่องบินลำใหญ่ ห้องโดยสารกว้าง ระบบความบันเทิงบนเครื่อง และอาหารคุณภาพสูงนั้นคุ้มค่ากว่า
ด้านการบินไทยตอบรับความต้องการผ่านการอัปเกรดเครื่องบิน Airbus A320 ได้ที่นั่งทุกลำให้มีชั้น Royal Silk หรือชั้นธุรกิจที่สามารถปรับเอนนอนได้สบายยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกลุ่มพรีเมียมที่ใส่ใจเรื่องความสบายระหว่างเดินทางแม้ในเส้นทางระยะสั้น
พร้อมปรับเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน และออกแบบตารางบินให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์นักเดินทางมากที่สุด เช่น เลือกออกเดินทางกลางคืนถึงเช้าเพื่อเที่ยวต่อได้แบบเต็มวัน หรือบินเช้าถึงบ่ายสำหรับคนที่อยากเช็กอินเข้าโรงแรมได้พอดี เหมาะทั้งกลุ่มคนทำงานที่อยากประหยัดวันลาและครอบครัวที่เดินทางพร้อมเด็กหรือผู้สูงอายุที่ต้องการความสะดวกสบาย
