ยุคใหม่ไปรษณีย์ไทย ‘Tech Company’ เต็มตัวทุกบริการจบในแอปเดียว

ยุคใหม่ไปรษณีย์ไทย ‘Tech Company’ เต็มตัวทุกบริการจบในแอปเดียว

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมทั้งคนซื้อและคนขายออนไลน์เปลี่ยนเร็วแบบกดข้ามไม่ทัน ทำให้บริการส่งของต้องเร่งปรับตัวตาม ไปรษณีย์ไทยเองก็เริ่มออกจากภาพเดิมที่เราคุ้นเคย จากเคาน์เตอร์สีแดงและกล่องพัสดุ ไปสู่บทบาทที่ทันสมัยขึ้น เข้ากับชีวิตดิจิทัลของผู้ใช้งานมากกว่าเดิม

‘ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ยอมรับว่า “เกมวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป” เพราะแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่เลือกจับมือกับบริษัทที่ควบคุมระบบได้เอง ทำให้ไปรษณีย์ไทยซึ่งเคยมีบทบาทชัดเจน ต้องคิดใหม่ตั้งแต่โครงสร้างองค์กรจนถึงวิธีให้บริการ

แม้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 ไปรษณีย์ไทยยังสร้างรายได้รวมได้ถึง 16,860.73 ล้านบาท เติบโตประมาณ 7% จากปีก่อน และธุรกิจขนส่งทำรายได้กว่า 7,990.28 ล้านบาท หรือ 47.39% ของรายได้รวม โตขึ้น 8.42%

แต่ส่วนแบ่งในตลาดอีคอมเมิร์ซกลับยังไม่ถึง 5% สะท้อนว่าการแข่งขันไม่ได้อยู่ที่ส่งเยอะแค่ไหน แต่เป็นเรื่องระบบเทคโนโลยีและบริการที่ต้องครบวงจร

นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของแผนใหญ่ที่ไปรษณีย์ไทยประกาศชัด องค์กรไม่ได้จะเป็นแค่ ‘บริการส่งของ’ อีกแล้ว แต่จะกลายเป็น Tech Company ที่มีแพลตฟอร์มดิจิทัลเป็นหัวใจหลักในการดำเนินงาน

[ ซูเปอร์แอป ศูนย์กลางใหม่ของบริการ ]

หนึ่งในหมุดหมายสำคัญคือการเปิดตัว ‘ซูเปอร์แอปไปรษณีย์ไทย’ ที่เตรียมเปิดใช้งานช่วงต้นปี 2569 ด้วยงบพัฒนา 40 ล้านบาท และตั้งเป้าผู้ใช้งานกว่า 5 ล้านคน

โดยแอปนี้จะเป็นสเต็ปใหญ่ในการย้ายองค์กรจากเคาน์เตอร์บริการไปสู่แพลตฟอร์มบริการดิจิทัลที่ลูกค้าทำทุกอย่างได้ในมือถือ ตั้งแต่ส่งของ ติดตามพัสดุ ชำระค่าบริการ ไปจนถึงสมัครบริการดิจิทัลใหม่ๆ

เป้าหมายไม่ใช่แค่ความสะดวก แต่คือการรวมทุกบริการไว้ในระบบเดียว เพื่อให้ไปรษณีย์ไทยกลายเป็นศูนย์กลางสำหรับผู้ใช้งานและผู้ค้าออนไลน์ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเร็วตลอดเวลา

[ AI ขับเคลื่อนหลังบ้าน ลดคอขวด–ลดต้นทุน ]

หนึ่งในโจทย์ใหญ่ของไปรษณีย์ไทยคือระบบหลังบ้านที่ใหญ่และซับซ้อน ดร.ดนันท์จึงผลักดันให้ AI และระบบอัตโนมัติถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง

ปัจจุบัน AI ถูกใช้ตั้งแต่การคัดแยกพัสดุ การวิเคราะห์สต็อกคลัง การวางแผนเส้นทางให้รถขนส่งลดเวลาเดินทาง รวมไปจนถึงแชตบอทที่ช่วยตอบลูกค้าได้แม่นยำกว่าเดิมด้วย

ซึ่งการนำเทคโนโลยีเข้ามาแทนงานที่เคยเป็นคอขวด ทำให้องค์กรลดต้นทุนได้มากขึ้น แก้ปัญหาที่สะสมมานาน และทำความเร็วในการให้บริการได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

[ บริการใหม่โตแรง 551% ]

นอกจากบริการขนส่งหลัก ไปรษณีย์ไทยยังขยายบริการไปสู่รูปแบบความสะดวกใหม่ ๆ หนึ่งในนั้นคือ Travel Lite บริการส่งกระเป๋าเดินทางถึงสนามบิน ซึ่งโตขึ้นถึง 551% ในปีที่ผ่านมา

สะท้อนว่าพฤติกรรมนักเดินทางยุคนี้ไม่อยากแบกกระเป๋าหนักๆ จนถึงเคาน์เตอร์เช็กอิน จึงทำให้บริการลักษณะนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างรวดเร็ว

อีกบริการที่เติบโตแบบก้าวกระโดดคือการส่งสินค้าเข้าคลัง Amazon FBA ในสหรัฐฯ ช่วยผู้ค้าออนไลน์ไทยที่อยากเจาะตลาดอเมริกาแบบครบวงจร ตั้งแต่รับของ แพ็กของ ดำเนินพิธีการศุลกากร ไปจนถึงส่งถึงคลังของ Amazon

บริการพวกนี้ทำให้เห็นชัดว่าไปรษณีย์ไทยไม่ได้แข่งเฉพาะใน ‘สนามเดิม’ แต่กำลังสร้างสนามใหม่ที่ตอบพฤติกรรมผู้บริโภคและผู้ค้าออนไลน์เร็วกว่าที่เคยเป็น

[ โอกาสใหม่ของผู้ค้าออนไลน์ทุกขนาด ]

ยุคนี้ผู้ค้าบน TikTok, Shopee, Lazada ไปจนถึงผู้ขายรายใหญ่ในตลาดต่างประเทศ ไม่ได้ต้องการแค่ความเร็วหรือค่าส่งถูกอีกต่อไป แต่ต้องการระบบหลังบ้านที่ใช้งานง่าย เชื่อมต่อข้อมูลได้ดี และส่งออกไปต่างประเทศได้แบบไม่ยุ่งยาก

การเปลี่ยนตัวเองเป็น Tech Company จึงเป็นประโยชน์ทั้งกับผู้ค้าออนไลน์รายเล็กที่อยากโตเร็ว และรายใหญ่ที่ต้องการโซลูชันครบวงจรโดยไม่ต้องจ้างหลายบริษัท

ไปรษณีย์ไทยกำลังวางตัวเองให้เป็น โครงสร้างพื้นฐานด้านอีคอมเมิร์ซของผู้ประกอบการไทย ไม่ต่างจากภาพเมื่อหลายสิบปีก่อนที่เป็นหัวใจของระบบสื่อสาร แต่ครั้งนี้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลเต็มตัว

ท้ายที่สุด การเปลี่ยนครั้งนี้ทำให้เห็นว่าไปรษณีย์ไทยไม่ได้ยึดติดกับภาพเดิมอีกต่อไป แต่กำลังขยับตัวให้ทันโลกดิจิทัลด้วยซูเปอร์แอป เทคโนโลยีใหม่ และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการยุคใหม่มากขึ้น

ManassaweeWriterManassawee
นักข่าวการเงิน ที่มีความสนใจเรื่องการลงทุนและการตลาด อยากสื่อสารให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง