แผนฟื้นท่องเที่ยวไทย เพิ่มคอนเสิร์ต ‘ศิลปินระดับโลก’ ดึงคนจีน-แข่งขันเพื่อนบ้านได้

แผนฟื้นท่องเที่ยวไทย เพิ่มคอนเสิร์ต ‘ศิลปินระดับโลก’ ดึงคนจีน-แข่งขันเพื่อนบ้านได้

ไทยเป็นประเทศที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก โดยสร้างรายได้มหาศาลคิดเป็นราวๆ 18% ต่อ GDP ของประเทศ แต่สถานการณ์ปัจจุบันของภาคการท่องเที่ยวไทยเหมือนว่าจะไม่ได้ฟื้นตัวง่ายๆ ถ้าเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเติบโตมากกว่า 10% อย่างเวียดนาม 7 เดือนแรกของปี 2025 มีนักท่องเที่ยวมากขึ้น 22% หรือจีนเองก็มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 30% ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวไทย 8 เดือนแรกลดลงมา -7% 

มากไปกว่านั้น การไปเที่ยวสิงคโปร์ ญี่ปุ่น เวียดนาม เทียบกันแล้วมีราคาที่ค่อนข้างจะคุ้มค่าและไม่แพงจนเกินไปเท่ากับการมาเที่ยวไทย เพราะถ้าเทียบกับปี 2019 ช่วงก่อนโควิด ไทยเรามีจำนวนนักท่องเที่ยวมากถึง 39 ล้านคน มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 1 คนอยู่ที่ 119 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 ทริปฯ

แต่ในปี 2025 นี้ 1 ทริปสำหรับประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นถึง 130 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 9% เมื่อรวมเข้ากับประเด็นความปลอดภัยและภาพลักษณ์ ทำให้ไทยดูไม่น่าคุ้มค่าเท่าประเทศคู่แข่งอย่าง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเวียดนาม

และหนึ่งในทางบิวต์ท่องเที่ยวไทยให้กลับมาบูมก็คือ การที่มีคอนเสิร์ตศิลปินระดับโลก มาช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว TODAY Bizview ได้พูดคุยกับ ‘เควิน เคลย์ตัน’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายแบรนด์ กาแล็กซี รีสอร์ต ประเทศไทย ถึงมุมมองการมีคอนเสิร์ตศิลปินระดับโลกในไทย

‘เควิน’ เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้เทรนด์นักท่องเที่ยวเปลี่ยนส่วนใหญ่เน้นประสบการณ์ โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มคนรวยและชนชั้นกลางที่กำลังขยายตัวยังคงมองหาสิ่งบันเทิง หลายคนยอมบินข้ามทวีปเพื่อชมศิลปินโปรด ไม่ว่าจะเป็น Coldplay, Blackpink หรือ Jackson Wang โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ให้ความสำคัญกับการได้ท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการเจอศิลปินคนโปรด 

ขณะที่อุตสาหกรรมคอนเสิร์ตทั่วโลก มีนักท่องเที่ยวเดินทางเพื่อที่จะไปชมคอนเสิร์ตศิลปินคนโปรดในประเทศนั้นๆ มีคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าถึง 267,000 ดอลลาร์ภายในปี 2030 เลยทีเดียว

‘เควิน’ ให้ความเห็นว่า คอนเสิร์ตระดับโลกคือ “แม่เหล็กใหม่” ที่สามารถยกระดับการท่องเที่ยวไทย ได้ ซึ่งส่วนนี้จะเป็นการที่ภาคเอกชนและภาครัฐจับมือกันช่วยทำให้มีคอนเสิร์ตระดับโลกขึ้น อย่างเคสของสิงคโปร์ รัฐบาลก็ติดต่อ taylor swift ร่วมกับภาคเอกชนให้มาในประเทศเพื่อบิวต์การท่องเที่ยวให้ดีขึ้น 

ส่วนของไทยตอนนี้กาแล็กซี รีสอร์ ก็เป็นสปอนเซอร์หลักในคอนเสิร์ต Jackson Wang ใน MAGICMAN 2 World Tour ที่จัดทั้งในกรุงเทพฯ และมาเก๊า ซึ่งคอนเสิร์ต นอกจากจะดึงดูดแฟนคลับทั่วเอเชียแล้ว ยังสะท้อนความตั้งใจที่จะผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางความบันเทิงของภูมิภาคด้วย

[ ไทยควรมีไฮไลต์สำคัญดึงดูดนักท่องเที่ยว ]

‘เควิน’ ถามกลับอีกว่า เมื่อมองไปข้างหน้าในปี 2030 และ 2035 คำถามเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญคือ อะไรจะกลายเป็น “จุดดึงดูดหลัก” ของการท่องเที่ยวไทย จะเป็นเทศกาลดนตรีระดับโลกอย่าง Tomorrowland การเปิดสนามกีฬาแห่งใหม่ที่สามารถรองรับการจัดคอนเสิร์ตและการแข่งขันระดับนานาชาติ หรือการดึงคอนเสิร์ตศิลปินแถวหน้าของโลกมาแสดงอย่างต่อเนื่องจนเกิดการรับรู้ว่าไทยคือศูนย์กลางความบันเทิงของเอเชีย? 

เพราะถ้าหากไทยต้องการกลับมาเป็นผู้นำการท่องเที่ยว จำเป็นต้องเดินหน้าอย่างจริงจังใน 3 ด้านสำคัญ 

ด้านแรกคือ การจัดตั้งองค์กร “Major Events Corporation – MEC” เพื่อวางแผนปฏิทินอีเวนต์ระดับโลกอย่างมีระบบและต่อเนื่อง โดยทำงานร่วมกับภาคเอกชนแต่มีเสถียรภาพไม่หวั่นไหวต่อการเมือง คล้ายประเทศที่ใช้ MEC ดึงกิจกรรมใหญ่ระดับ Formula 1 หรือเทศกาลดนตรีนานาชาติ 

ด้านที่สองคือ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการสร้างประสบการณ์แบบครบวงจร โดยผลักดันศูนย์รวมความบันเทิงหรือ Integrated Resorts (IRs) ที่ผสมผสานโรงแรมหรู คอนเสิร์ตสด ศูนย์การประชุม และแหล่งช้อปปิ้งเข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น Galaxy Arena ของมาเก๊า หรือ Marina Bay Sands ของสิงคโปร์ ซึ่งไทยเองก็เริ่มมีสัญญาณความคืบหน้า เช่น สนามกีฬา 45,000 ที่นั่งของ Bangkok Land สัญญาระยะยาว 20 ปีกับ Live Nation ที่ Impact Arena และการเตรียมเป็นเจ้าภาพ Tomorrowland 2026 

ด้านที่สามคือ การยกระดับความปลอดภัยและภาพลักษณ์ของประเทศ หลังผลสำรวจสะท้อนว่านักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 81% ยังรู้สึกไม่มั่นใจเกี่ยวกับไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาชญากรรม การโกง หรือเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่บั่นทอนการตัดสินใจเดินทาง จำเป็นอย่างยิ่งที่ไทยต้องเปลี่ยน Narrative ของตัวเอง และใช้พลัง Soft Power จากคนดังระดับโลกอย่าง Lisa หรือ Jackson Wang เป็น Brand Ambassador เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ในสายตาตลาดต่างประเทศ 

ดังนั้น หากไทยสามารถผสานทั้งสามองค์ประกอบนี้เข้าด้วยกันได้ การท่องเที่ยวไทยจะไม่ได้เป็นเพียงการขายสถานที่หรือชายหาดอีกต่อไป แต่จะเป็นการขายประสบการณ์ที่น่าจดจำผ่านคอนเสิร์ตและอีเวนต์ระดับโลกที่ทรงพลัง ซึ่งจะกลายเป็นกลไกทางเศรษฐกิจสำคัญในการสร้างการฟื้นตัวครั้งใหญ่ และช่วยให้ไทยกลับมายืนแถวหน้าได้อีกครั้งในการแข่งขันกับเวียดนาม จีน และสิงคโปร์

AyosiriWriterAyosiri
เป็นนักข่าวการเงิน สนใจเรื่องการลงทุนและการตลาด ประวัติศาสตร์ อยากสื่อสารให้เรื่องเป็นเงินสำหรับทุกคน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง