ธุรกิจร้านกาแฟต้องปรับตัวอยู่เสมอ เพราะผู้เล่นในตลาดมีมากมาย ทั้งหลายเรทราคาให้ผู้บริโภคได้เลือก ทำให้แต่ละร้านจำเป็นต้องมีจุดเด่นเพื่อสร้างการจดจำ
อย่างแบรนด์ ‘The Coffee Club’ ที่อยู่ภายใต้เครือใหญ่อย่างไมเนอร์ ฟู้ด ก็ปรับตัวจากเดิมที่เคยเน้นฐานลูกค้าต่างชาติ กลุ่มนักท่องเที่ยว ก็เริ่มหันมาเน้นกลุ่มคนไทยมากขึ้น และดันจุดเด่นว่าเป็นแบรนด์ที่มีทั้งเครื่องดื่มและอาหารให้ลูกค้าหลากหลาย สร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์กาแฟในตลาด อย่างน้อยก็มาที่นี่พร้อมตัวเลือกที่ครบกว่า
[ เน้นรีโนเวทร้านให้เข้ากับลูกค้าคนไทย หลังรีโนเวทยอดขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15% ]

‘นงชนก สถานานนท์’ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ คอฟฟี่ คลับ ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เอ็มเอฟ คาเฟ่ แอนด์ เรสเตอรองต์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า ที่ผ่านมาลูกค้าส่วนใหญ่ของ The Coffee Club เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถึง 80-90%
ทางแบรนด์จึงเล็งเห็นถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นชาวไทยมากขึ้น เพราะถ้ามาดูรายไตรมาสช่วงที่ลูกค้าต่างชาติเยอะจะมีเฉพาะไตรมาส 1 และ 4 เท่านั้น ทำให้ในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ลูกค้าต่างชาติหายไปถึง 70%
เพื่อให้ธุรกิจเติบโตสอดรับกับปริมาณผู้ใช้บริการในทุกไตรมาสของปี แบรนด์เลยพยายามปรับกลยุทธ์ให้มากขึ้น ผ่านการรีโนเวทสาขา ออกโปรโมชั่นต่างๆ ในราคาที่เข้าถึงได้ เพิ่มเมนูใหม่ๆ เข้าไปด้วย
ตัวอย่างเช่น สาขาสามย่านมิตรทาวน์ ที่ได้รับการปรับโฉมให้เป็น “Leaning Café” ด้วยเล็งเห็นถึงทำเลที่ตั้งที่ใกล้กับมหาวิทยาลัยและแหล่งออฟฟิศ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักศึกษา และคนทำงาน ที่เข้ามาใช้บริการเพื่ออ่านหนังสือหรือนั่งทำงานเป็นจำนวนมาก
แบรนด์ได้รีโนเวทร้านให้ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะมาเดี่ยว มาแก๊ง ก็มีโซนอ่านหนังสือสำหรับผู้ที่ต้องการสมาธิและความเงียบสงบ โซนทานอาหาร หรือ ประชุมกลุ่มเหมาะสำหรับการพบปะพูดคุย หรือทำงานร่วมกัน ซึ่งภายในร้านมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งบริการ Wi-Fi และปลั๊กไฟให้บริการตลอดวัน
‘นงชนก สถานานนท์’ ยังบอกอีกว่า ในทุกๆ สาขาที่รีโนเวทยอดขายเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้น 15% อย่างตอนนี้แบรนด์ก็เริ่มรีโนเวทไปหลายสาขาแล้ว ทำให้สัดส่วนลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้นเป็น 40% ปีที่แล้ว (ปี 2567) รายได้อยู่ที่ 800 ล้านบาท กำไรอยู่ที่ 25 ล้านบาท
[ ตามหัวเมืองท่องเที่ยวยังเห็นโอกาสเติบโต เพราะส่วนใหญ่ไม่มีอาหารเช้า ]
สำหรับช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 ‘The Coffee Club’ ยังคงเดินหน้าปรับภาพลักษณ์และยกระดับสาขาเดิมอย่างต่อเนื่อง ด้วยงบประมาณกว่า 60 ล้านบาท โดยมีแผนปรับปรุง 10 สาขาทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่างพัทยา ภูเก็ต เพื่อเพิ่มศักยภาพและรองรับลูกค้าที่หลากหลาย
ในสาขาเมืองท่องเที่ยว ยังมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 5 แห่งในโรงแรมระดับ 3 – 4 ดาว เพราะแบรนด์มองเห็นโอกาสการเติบโต ส่วนใหญ่ยังไม่มีบริการอาหารเช้า ‘The Coffee Club’ จึงจะเข้ามาเติมเต็มในส่วนนี้ได้
โดยทำหน้าที่เป็นห้องอาหารเช้าสำหรับแขกผู้เข้าพัก มีทั้งเครื่องดื่มและอาหารเช้าให้เลือกทาน ซึ่งเคยประสบความสำเร็จมาแล้วในโรงแรมหลายแห่ง เช่น Shama Hotel, Triple Y Hotel
นอกจากนี้ แบรนด์ยังตอบรับเทรนด์สุขภาพพัฒนาด้านอาหารและเครื่องดื่ม ด้วยการเพิ่มเมนูสุขภาพมากขึ้น ผ่านเครื่องดื่มผลไม้ไทย รังสรรค์เมนูจากผลไม้ไทยตามฤดูกาล เช่น ลิ้นจี่ และมะยงชิด เพิ่มความสดชื่นในระหว่างวัน และการขยายเมนูอาหารให้ครอบคลุม หลากหลาย เหมาะกับการรับประทานในแต่ละมื้อตลอดทั้งวันอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 นี้ The Coffee Club ตั้งเป้ากำไรโตจากเดิม 50% หรืออยู่ที่ราวๆ 37-40 ล้านบาท โดยแต่ละปีแบรนด์อาจไม่ได้เน้นกลยุทธ์การขยายสาขามากนัก แต่จะให้น้ำหนักไปทางการรีโนเวทมากกว่า เพราะอยากเติบโตอย่างดี และเน้นมีกำไร











