ภาคต่อของ The Great Resignation ‘อภิมหาการลาออก’ โลกเรากำลังมีกลุ่มคนที่เรียกว่า Career Skepticism

ภาคต่อของ The Great Resignation ‘อภิมหาการลาออก’ โลกเรากำลังมีกลุ่มคนที่เรียกว่า Career Skepticism

BUSINESS KNOWLEDGE

หลังจากที่เกิดปรากฏการณ์ ผู้คนลาออกจากงานจำนวนมาก จนเกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘The Great Resignation’ หรือ ‘อภิมหาการลาออก’

ในหลายประเทศทั่วโลก คนทำงานลาออกกันครั้งใหญ่ (อ่านบทความ: Great Resignation หลังโควิดคนจะ ‘ลาออก’ มหาศาล) แม้กระทั่งไทยเอง ที่ถ้าเรามองไปรอบตัว เพื่อนเราหลายคนก็ทยอยออกจากงานหลังสถานการณ์ดีขึ้น

เหตุผลที่ผู้คนลาออกมีหลากหลาย แต่โดยรวมๆ แล้ว มี 3 เรื่องใหญ่
1) อิ่มตัว: ลาออกเพราะต้องการ
เลือกเส้นเดินทางใหม่ ทำงานมาจนถึงจุดอิ่มตัว ต้องสร้างการทำงานบทใหม่ให้กับชีวิต
2) อยากออกนานแล้ว: ที่
ทำงานไม่ตอบโจทย์ชีวิต คิดเรื่องลาออกมานานแล้ว แต่พอเจอวิกฤตโควิดยิ่งเห็นชัดว่าลาออกดีกว่า
3) ตามหาตัวตน: ลาออกเพื่อไปตามหาตัวตนใหม่ โควิดทำให้มีเวลาไปคิดถึงชีวิตแบบใหม่ ขอเปลี่ยนอาชีพใหม่ไปเลยก็มี

นั่นคือสิ่งที่เราเห็นกัน

แต่ตอนนี้ มีอีกหนึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาด้วย นั่นคือ โลกเรากำลังมีกลุ่มคนที่เรียกว่า Career Skepticism

คำถามคือ Career Skepticism คืออะไร?

Career Skepticism เป็นคำที่ Charlie Warzel นักข่าวที่เขียนประเด็นเรื่อง Future of work จาก The New York Times ตั้งขึ้นมา

โดยหลังจากที่รายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องอนาคตของการทำงานจำนวนมาก เขาค้นพบว่า ตอนนี้โลกเรามีหนึ่งเทรนด์ที่เด่นขึ้นมา นั่นคือ “การตั้งคำถามกับงานที่ทำ”

ความหมายของ Career Skepticism หมายถึง “กลุ่มคนที่ตั้งคำถามหรือตั้งข้อสงสัย” กับ “การอาชีพ” และ “การทำงาน”

แต่ด้วยนิยามนี้ ต้องเข้าใจว่าคนในกลุ่ม Career Skepticism ไม่ใช่คนที่รังเกียจการทำงาน เพราะคนกลุ่มนี้ยังเข้าใจดีว่า โลกหมุนไปด้วยการทำงาน
คนเรายังต้องทำงานเพื่อหาเงินมาใช้จ่าย ค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้ชีวิต

แต่คนกลุ่มนี้มองว่า การทำงานเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าอะไรต่างๆ ในชีวิต แค่นั้นมันไม่พอ เพราะงานที่เขาอยากได้ต้องเป็นงานที่สะท้อนการใช้ชีวิต และถึงที่สุด สะท้อนตัวตนของเขาด้วย

“ถ้าทำงานแล้วชีวิตไม่ดีขึ้น จะทำไปทำไม” นี่คือคำถามสำคัญของคนกลุ่มที่เรียกว่า Career Skepticism

Work Life

โลกเปลี่ยน คุณค่าเปลี่ยน

ย้อนไปดูในโลกยุคก่อนหน้านี้ ถ้าพูดถึงการทำงาน ทุกคนจะพูดเรื่องการไต่ไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้นๆ จากทำงานแรกเป็น First Jobber เป็น Junior ขยับไปสู่ Senior จนถึง Manager และไปยังระดับผู้บริหาร

โลกเก่าของการทำงานคือการไต่เต้าขึ้นไปตามเส้นทางอาชีพ เลื่อนขั้นไปสู่ตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม ศัพท์ในวงการการทำงานเรียกว่า Career ladder

แต่ในโลกใหม่ ยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว วิกฤตโควิดทำให้หลายคนได้อยู่กับตัวเอง ได้หยุดคิด และเห็นชีวิตในมุมที่หลากหลาย

บทความใน Havard Business Review และงานวิจัยอีกหลายชิ้นเห็นตรงกันว่า วิกฤตโควิดทำให้คนทำงานเกือบ 50% ‘ไม่สนใจ’ หรือ ‘สนใจน้อยลง’ ในประเด็นการไต่เต้าขึ้นไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นในสายอาชีพ

ในโลกใหม่ งานที่ดีไม่ใช่การไต่เต้าขึ้นไปมีตำแหน่งสูงๆ เสมอไป แต่งานที่ดี ชีวิตต้องดีด้วย 

หรือเราจะเป็น Career Skepticism 

ลองถามตัวเองดูดีๆ เราอาจจะเป็นกลุ่มที่เรียกว่า Career Skepticism ก็ได้

และถ้าพูดให้ถึงที่สุด การเป็น Career Skepticism หรือตั้งคำถามกับอาชีพและการทำงานสิ่งนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะเมื่อโลกเปลี่ยน คุณค่า สายตาที่เรามองโลกก็เปลี่ยนไปได้ 

แต่คำถามอีกชุดที่เราควรถามตัวเองไว้ด้วยก็คือ
-เราจำเป็นต้องออกจากงานเพื่อตามหาตัวเองหรือไม่?
-เราจำเป็นต้องออกจากงานเพื่อตามหาชีวิตที่ดีไหม?

ในจังหวะและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจแบบนี้ ถ้ากลุ่มคนที่รู้สึกว่าตัวเองเป็น Career Skepticism ไปปรึกษาคนที่โตกว่า เช่น พ่อ แม่ รุ่นพี่ หรือคนที่มีประสบการณ์มากกว่า

เขาอาจจะไม่เห็นด้วย

แต่อย่าลืมว่า ถึงที่สุด ชีวิตเป็นของเรา และชีวิตคือการทดลอง คือการเลือก

หลายคนออกไปจากบริษัทเก่าที่ทำงาน แต่ทำงานหนักกว่าเดิมอีกเสียอีก แต่ประเด็นคือ ทำงานหนักกว่าเดิมแต่รู้สึกว่าควบคุม (control) ชีวิตตัวเองได้ดีขึ้น

ยุคนี้มันเป็นยุคแห่ง creative class  คนจำนวนไม่น้อยออกจากงานบริษัท เอาความสามารถตัวเองไปรับงานฟรีแลนซ์ เข้าสู่โลกของ gig economy เต็มตัว 

“อาจจะหนักกว่าเดิมหน่อย แต่คุ้มค่า”

เหล่านี้คือ “สายตา” ในการมองโลกของการทำงาน และการใช้ชีวิตที่ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว…อย่างไม่มีวันหวนกลับ

ดังนั้น ถ้าสรุปเพื่อมองภาพถัดไป ก็จะเห็นได้ว่า หลังจากปรากฏการณ์ “The Great Resignation” หรือ “อภิมหาการลาออก”

ในท้ายที่สุด ผู้คนจะยังทำงาน แต่คำว่า “งาน” ได้เปลี่ยนความหมายไปแล้ว

งานที่ดีคือ งานที่ได้เงิน ทำสนุก และชีวิตต้องไม่พังด้วย

ธงชัย ชลศิริพงษ์Writerธงชัย ชลศิริพงษ์
บอย ธงชัย ชลศิริพงษ์
ปัจจุบันทำงานเป็น บรรณาธิการบริหาร Brand Inside ภายใต้ LINE MAN Wongnai

Boyd Thongchai is an Editor-in-chief at Brand inside

อดีต บรรณาธิการ TODAY Bizview ในเครือ workpointTODAY
Ex-Business Journalist at Brand Inside & Ex-Reporter at Matichon

Boyd Thongchai also work on flagship VDO program called DEEPDIVE
check it out: https://youtu.be/h7nu-Cx6r6Y?list=PL3hu3MCyv9lFGRz2ZN3D1wz2-03Ih5M7i

Contact for work
Email: [email protected]

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง