แบงก์ชาติ พบบัญชีผิดปกติกว่า 1 หมื่นบัญชี เสียหายแล้ว 131 ล้าน สั่งแบงก์คืนเงินใน 5 วัน

แบงก์ชาติ พบบัญชีผิดปกติกว่า 1 หมื่นบัญชี เสียหายแล้ว 131 ล้าน สั่งแบงก์คืนเงินใน 5 วัน

แบงก์ชาติ และสมาคมธนาคารไทย เผยพบบัญชีผิดปกติกว่า 1 หมื่นบัญชี เสียหายแล้ว 131 ล้าน ยันไม่ใช่ข้อมูลรั่ว แต่เป็นการโจรกรรมสุ่มข้อมูลเลขบัตร ย้ำเจ้าของบัญชีบัตรเดบิตได้เงินคืนภายใน 5 วัน ล่าสุด รอง ผบ.ตร. เผยผู้เสียหายไม่ต้องแจ้งความ ธนาคารรับเป็นเจ้าทุกข์เอง

วันที่ 19 ต.ค.2564 นางสาวสิริธิตา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ระบุว่า ตามที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สมาคมธนาคารไทย ได้ชี้แจงกรณีการตัดเงินที่ผิดปกติ ผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของลูกค้าจำนวนมาก เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่ามิได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากระบบธนาคาร โดยสาเหตุสำคัญเกิดจากการที่มิจฉาชีพสุ่มข้อมูลบัตรและนำไปสวมรอยทำธุรกรรมผ่านร้านค้าออนไลน์ต่างประเทศ ที่ไม่มีการใช้ One Time Password (OTP)

ทั้งนี้ พบว่านับตั้งแต่วันที่ 1 – 17 ต.ค.ที่ผ่านมา มีบัตรที่มีการใช้งานผิดปกติจากเหตุข้างต้นจำนวนบัตรทั้งสิ้น 10,700 ใบ (กว่า 50% เป็นบัตรเดบิต) รวมมูลค่าความเสียหาย 131 ล้านบาท แบ่งออกเป็น

  1. บัตรเครดิต 5,900 ใบ มูลค่า 100 ล้านบาท
  2. บัตรเดบิต 4,800 ใบ มูลค่า 31 ล้านบาท

โดยในช่วงสุดสัปดาห์ หรือ 4 วันที่ผ่านมา มีจำนวนบัตรเดบิตเพิ่มขึ้นผิดปกติเมื่อเทียบกับการเพิ่มของบัตรเครดิต ซึ่งการใช้งานส่วนใหญ่มีจำนวนเงินต่อรายการต่ำ เช่น 1 ดอลลาร์ สรอ. และมีการใช้เป็นจำนวนหลาย ๆ ครั้ง

ทั้งนี้ ธนาคารมีระบบตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ โดยแต่ละธนาคารจะกำหนดเพดานและเงื่อนไขการใช้งานของบัตรตามลักษณะประเภทร้านค้าและประเภทสินค้าแตกต่างกันไป

นอกจากนี้ ธปท. และ สมาคมธนาคารไทย ได้ร่วมกันกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและแก้ปัญหา ดังนี้

  1. ยกระดับความเข้มข้นในการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ ให้ครอบคลุมทั้งธุรกรรมที่มีจำนวนเงินต่ำและที่มีความถี่สูง หากพบธุรกรรมที่ผิดปกติ ธนาคารจะระงับการใช้บัตรทันทีและแจ้งลูกค้าในทุกช่องทาง รวมทั้งติดตามเฝ้าระวังรายการธุรกรรมจากต่างประเทศเป็นพิเศษ
  2. เพิ่มการแจ้งเตือนลูกค้าในการทำธุรกรรมทุกรายการ ตั้งแต่รายการแรกผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ระบบ Mobile banking อีเมล หรือ SMS
  3. กรณีที่ตรวจสอบพบว่าลูกค้าได้รับผลกระทบจากการทุจริตตามข้างต้น
  • กรณีบัตรเดบิต ลูกค้าจะได้รับการคืนเงินภายใน 5วันทำการ  (นับจากวันที่ลูกค้าติดต่อธนาคารและยืนยันการทำรายการ)
  • กรณีบัตรเครดิต ธนาคารจะยกเลิกรายการดังกล่าว ลูกค้าไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติและจะไม่มีการคิดดอกเบี้ย
  1. ธปท. และสมาคมธนาคารไทยจะเร่งหารือกับผู้ให้บริการเครือข่ายบัตร เช่น Visa Mastercard เพื่อกำหนดให้มีการใช้การยืนยันตัวตนเพิ่มเติม เช่น OTP กับบัตรเดบิตสำหรับร้านค้าออนไลน์

กรณีลูกค้าพบความผิดปกติของธุรกรรมด้วยตนเอง สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตร เพื่อแจ้งตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของธุรกรรมในทันที โดยธนาคารจะดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด

พร้อมกันนี้ได้เตือนให้ประชาชนทั่วไป ควรตรวจสอบการทำธุรกรรมของตนเองอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งระมัดระวังการผูกบัตรเดบิตในการทำธุรกรรม โดยเฉพาะกับแพลตฟอร์มที่มีความเสี่ยง เช่น เกมออนไลน์ แพลตฟอร์มที่ไม่มีการยืนยันตัวตนก่อนเข้าใช้งาน หรือไม่มี OTP

โดยบางธนาคาร ลูกค้ายังสามารถเปิด/ปิดการใช้งานของบัตร หรือเปลี่ยนแปลงวงเงินการใช้บัตร หรืออายัดบัตรได้ด้วยตัวเองผ่านแอพพลิเคชั่นของธนาคาร นอกเหนือจากการติดต่อกับธนาคาร

“ธปท. และ สมาคมธนาคารไทย ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า โดยธนาคารมีระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและมีการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติอย่างต่อเนื่อง ในระยะต่อไป ธปท. และสถาบันการเงินจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยกระดับมาตรการและประสิทธิภาพการตรวจจับและตอบสนองต่อรายการผิดปกติ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากการเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว”

ล่าสุด มีรายงานว่า พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้ข้อสรุปกับทางธนาคารว่า ธนาคารจะรับเป็นผู้เสียหายในคดีดังกล่าวเอง โดยที่ประชาชนไม่ต้องไปแจ้งความกับสถานีตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ ส่วนเงินที่สูญหายออกจากบัญชีหรือบัตรเครดิต เดบิต ทางธนาคารเจ้าของบัญชีจะชดใช้เงินคืนให้กับลูกค้าเองภายใน 5 วันทำการ

TODAY BizviewWriterTODAY Bizview
TODAY Bizview by workpointTODAY
ข่าว สาระ ความรู้ ด้านธุรกิจในประเทศและต่างประเทศที่ออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง