วันที่ 18 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เชื้อ “หัดแมว” แพร่ระบาดหนักในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยเสือที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ติดเชื้อหัดแมวตายไปแล้ว 3 ตัว ทั้งหมดเป็นเสือเพศเมีย ตัวแรกเป็นเสือโคร่งอินโดจีน ชื่อ ซีด อายุ 15 ปี ตายเมื่อวันที่ 4 ส.ค. , เสือโคร่งเบงกอล ชื่อ ปุ๋น อายุ 9 ปี ตายเมื่อวันที่ 21 ส.ค. และ เสือโคร่งขาว ชื่อ พีซ อายุ 6 ปี ตายวันที่ 23 ส.ค. ตามลำดับ

นายอนุชา ดำรงมณี กรรมการบริหาร ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูฝนเป็นช่วงเวลาของการแพร่ระบาดของเชื้อโรคต่าง ๆ เช่นเดียวกับโรคหัดแมวที่มีแมวเป็นพาหะ แพร่เชื้อมาตามน้ำ อากาศ และความชื้น โดยพบว่าในพื้นที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมีแมวถูกชาวบ้านนำมาทิ้งไว้ รวมทั้งยังมีแมวที่อาศัยอยู่ในชุมชนรอบพื้นที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีจำนวนมาก

ก่อนตายเสือทั้ง 3 ตัว เริ่มมีอาการป่วย อ่อนแรง ไม่กินอาหาร ท้องเสีย ถ่ายเป็นเลือด สัตวแพทย์ได้ให้การรักษา แต่เนื่องจากทั้งสามตัวร่างกายอ่อนแอทำให้ทยอยตาย หลังจากนั้นมีการผ่าพิสูจน์ผลยืนยันว่าติดเชื้อหัดแมว ทีมสัตวแพทย์จึงได้มีมาตรการควบคุมโรค โดยนำทรายเทในพื้นที่เลี้ยงเสือเพื่อลดความชื้นแฉะที่ทำให้เชื้อเจริญเติบโตได้รวดเร็ว รวมทั้งใช้ปูนขาวฆ่าเชื้อทั่วพื้นที่ เวลาเดียวกันฝ่ายจัดการสัตว์จับแมวที่ถูกปล่อยในพื้นที่มาฉีดวัคซีนและนำไปปล่อยนอกพื้นที่ไนท์ซาฟารีทั้งหมดเพื่อลดพาหะแพร่เชื้อให้ได้มากที่สุด โดยสามารถควบคุมโรคได้ในเวลา 1 สัปดาห์ ไม่เกิดการแพร่ระบาดไปยังเสือตัวอื่น ๆ
สำหรับเสือทั้งสามตัวอยู่ในพื้นที่คอกกักซึ่งเป็นพื้นที่ปิดไม่ได้อยู่ในส่วนจัดแสดง และจนถึงขณะที่ไม่พบการติดต่ออีก ไม่มีเสือป่วย และโรคนี้เป็นโรคที่ติดต่อกันระหว่างสัตว์ตระกูลแมว ไม่ติดต่อสู่คน จึงยืนยันว่าไม่เป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวอย่างแน่นอน

นายอนุชา บอกด้วยว่า ทุกปีจะมีการฉีด “วัคซีนรวมแมว” ให้กับเสือทุกตัวเพื่อป้องกันติดโรคต่าง ๆ แต่เนื่องจากวัคซีนนี้เป็นวัคซีนสำหรับแมว และยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคสำหรับเสือซึ่งเป็นสัตว์ป่าโดยเฉพาะ วัคซีนรวมแมวจึงถูกนำมาใช้กับเสือซึ่งเป็นสัตว์ตระกูลแมวเพื่อเป็นการป้องกันในเบื้องต้น ทำให้มีโอกาสที่เสือจะติดโรคได้หากร่างกายอ่อนแอ เช่นเดียวกับเสือทั้งสามตัวที่ตายไป









