กลายเป็นยุคสมัยแห่ง Shoppertainment หรือคอนเท้นต์ทำให้เกิดการซื้อขายของจริง หลังจาก TikTok Shop เปิดตัวในประเทศไทยและสามารถเฉือนส่วนแบ่งตลาดจาก 2 อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อย่าง Shopee และ Lazada มาได้ ด้วยวิธีการซื้อขายแบบใหม่ที่เอา ‘ความสนุก’ และ ‘คอนเท้นต์’ มานำ แล้วตามด้วยการขายของที่ทำให้ผู้ใช้ซื้อง่าย ผู้ค้าขายคล่อง
แต่เพราะพร้อมๆ กับความสะดวกสบาย ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็ต้องการ ‘ความมั่นใจ’ ในการซื้อขาย จึงเป็นที่มาที่ TikTok Shop ที่ปัจจุบันมีร้านค้ากว่า 2.4 ร้านค้าแล้ว ตัดสินใจลุยตลาด ‘Mall’ หรือร้านค้าทางการที่ได้รับการรับรอง เช่นเดียวกันกับผู้นำตลาดอีคอมเมิร์ซไทย 2 เจ้าที่ได้เปิดตัวฟีเจอร์นี้ไปก่อนหน้า
‘TikTok Shop Mall’ แตกต่างจากร้าน ‘TikTok Shop’ ปกติยังไง ?
ร้านค้าใน ‘TikTok Shop Mall’ คือ ร้านค้าที่ได้รับการรับรองจาก TikTok (Certified Store)
ร้านที่จะอยู่ใน ‘TikTok Shop Mall’ ได้ต้องเป็นร้านของ ‘เจ้าของแบรนด์โดยตรง’ หรือ ‘ผู้ได้รับสิทธิจากแบรนด์ในการจัดจำหน่ายอย่างถูกต้อง’ เท่านั้น โดยจะเข้ามาเป็นร้านค้า ‘TikTok Shop Mall’ ได้ จะต้อง “ได้รับเชิญจาก TikTok” เท่านั้น และต้องมีประวัติในการขายสินค้าใน TikTok Shop มาก่อนและผ่านเกณฑ์ของ TikTok ด้วย
3 จุดแข็งของ ‘TikTok Shop Mall’
– สินค้าแท้ 100%
– ส่งฟรีทุกชิ้น
– คืนได้ใน 15 วัน
สิ่งที่แบรนด์จะได้จาก ‘TikTok Shop Mall’
– ร้านค้าจะได้ติดคำว่า Mall
– ได้รับโอกาสเพิ่มการมองเห็น
– ได้รับโอกาสเพิ่มการมองเห็นในหน้าแคมเปญ
– ได้รับโอกาสทำการตลาดร่วมกับ TikTok
ส่วนค่าคอมมิชชันของ Mall ก็จะเท่าๆ กับร้านค้าใน TikTok ปกติ ราวๆ 4-6% แล้วแต่ประเภทสินค้า โดยผู้บริหารของ TikTok ยืนยันว่า ร้านค้ามียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบระหว่างก่อนและหลังเข้ามาใน ‘TikTok Shop Mall’
หลังจากเปิดให้บริการมาราวๆ 3 เดือน ปัจจุบันมี 400 ร้านค้าแล้วและมีสินค้าขายมากกว่า 1,000 SKU ที่สำคัญคือมีออเดอร์มากกว่า 100,000 ออเดอร์แล้ว โดย TikTok บอกว่า ปีนี้จะโฟกัส ‘TikTok Shop Mall’ และจะหาแบรนด์ใหม่ๆ ที่ขายอยู่ใน TikTok Shop อยู่แล้วเข้ามาเพิ่มใน ‘TikTok Shop Mall’ มากขึ้น โดยเฉพาะในหมวดสุขภาพและความงาม รวมถึง 5 หมวดหลักที่เป็นหมวดขายดีของแพลตฟอร์ม
[ เหตุผลที่ TikTok รุก ‘อีคอมเมิร์ซ’ และลุยเปิด Mall ]
ไม่ว่าจะข้อมูลจากเจ้าไหนก็บอกว่า “อีคอมเมิร์ซไทยโตต่อแน่”
– ข้อมูลจาก Statista คาด ‘ตลาดอีคอมเมิร์ซไทย’ ปี 2567 มีมูลค่า 11,630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
– ข้อมูลจาก Euromonitor คาด ‘Retail E-Commerce’ จะเติบโตเฉลี่ย 15.4% ช่วงปี 2567-2570
– ข้อมูลจาก BCG บอกว่า ‘ตลาด Shoppertainment’ จะมีมูลค่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2568 เติบโตกว่า 54% จากปี 2566
นอกจากนั้น สินค้าหมวดขายดีบนแพลตฟอร์ม Shoppertainment ยังเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันและยังมีรูมให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
Top 5 หมวดสินค้าขายดีบนแพลตฟอร์ม Shoppertainment
– แฟชันและเครื่องประดับ
– ความงามและดูแลตัวเอง
– อาหารและเครื่องดื่ม
– เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์
– เครื่องใช้ในบ้าน
นอกจากนั้น ‘ประเทศไทย’ ยังถือเป็นประเทศที่ ‘adopt’ หรือ ‘รับ’ วัฒนธรรม ‘Shoppertainment’ ได้อย่างรวดเร็วครบทั้ง 3 องค์ประกอบ ผู้ใช้งาน ผู้ค้า และครีเอเตอร์
ส่วนเหตุผลที่จะต้องเปิด Mall นั้นเป็นเพราะว่า
– 60% ของผู้ใช้ใน SEA จ่ายเงินใน Retail Market หรือซื้อของจากแบรนด์
– 87% ของผู้ใช้ต้องการซื้อสินค้าจากร้านค้าทางการหรือร้านค้าที่ได้รับการยืนยัน
– 81% ของผู้ใช้ยินดีจะจ่ายในราคาแพงกว่าให้ร้านทางการ เพื่อให้สบายใจว่าได้ของแท้แน่
จากสถิติข้างบนจึงไม่แปลกใจว่า ทำไม TikTok ถึงต้องเดินตามรอยรุ่นพี่อีคอมเมิร์ซ สร้าง TikTok Shop Mall มารองรับความต้องการของผู้ใช้ที่ยินดีจ่ายแพงขึ้น เพื่อแลกความสบายใจ แล้วคุณล่ะเคยซื้อสินค้าใน Mall ไหม ชอบกว่าร้านค้าปกติไหม ?










