ในปี 2021 ที่ผ่านมา โตโยต้า (TOYOTA) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ทำยอดขายได้ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา แซงหน้าบริษัท General Motors (GM) ผู้นำยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ที่ครองแชมป์มาตั้งแต่ปี 1931
ซึ่งในปีที่ผ่านมา โตโยต้า ขายรถยนต์ได้ 2.3 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 10% ในขณะที่ GM ขายรถยนต์ได้ 2.2 ล้านคัน ลดลง 13% ตามหลังโตโยต้ามาโดยตลอด แตกต่างจากปี 2020 ยอดขายของ GM มาเป็นอันดับหนึ่งในสหรัฐฯ โดยอยู่ที่ 2.55 ล้านคัน ในขณะที่โตโยต้าอยู่ที่ 2.11 ล้านคัน
สำหรับ GM เป็นผู้ขายรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา แต่จากปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้น บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ประสบปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์หรือชิปที่ใช้ในยานยนต์ ทำให้ผู้ผลิตต้องโฟกัสไปที่เฉพาะรถรุ่นที่ทำกำไรได้มากที่สุดแทน และไม่สามารถผลิตรถยนต์บางรุ่นส่งมอบให้แก่ลูกค้าได้
การขาดแคลนชิปอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์อย่างเป็นวงกว้าง จากปัญหาโรคระบาดโควิด-19 และทำให้ต้องปิดโรงงานเป็นระยะๆ ส่งผลให้สต๊อกรถยนต์เหลือน้อยเป็นประวัติการณ์ในปี 2021
จำนวนยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ปีที่แล้วน้อยกว่า 15 ล้านคัน ตามรายงานของ Wards Intelligence โดยมีอัตราการขายประจำปีในเดือนธันวาคมสิ้นสุดที่ 12.44 ล้านคันเท่านั้น ตัวเลขทั้งปีที่แล้วต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี (2015-2019) ซึ่งอยู่ที่ 17.3 ล้านคัน
ในกรณีของโตโยต้า นักวิเคราะห์มองว่าสามารถรับมือกับปัญหาการขาดแคลนชิปได้ดีกว่าผู้ผลิตรายอื่น ทำให้ในปี 2564 สามารถผลิตรถยนต์ได้อย่างต่อเนื่องและมียอดขายมากที่สุด ซึ่งสามารถบรรลุเป้าหมายสำคัญโดยการเพิ่มยอดขายทั้งรถยนต์และรถกระบะได้
ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ จะแตะเกือบ 15.5-16 ล้านคันได้ ในปี 2022 ส่วน โตโยต้า มองว่ายอดขายรถยนต์จะพุ่งขึ้นหากผู้ผลิตมีความสามารถเพิ่มการผลิตได้ ทั้งนี้ยอดคาดการณ์ของโตโยต้า ในปีนี้ จะอยู่ที่ 2.4 ล้านคัน
ขณะที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GM ได้เน้นย้ำความสามารถในการทำกำไรของบริษัทมากกว่าโฟกัสไปที่ปริมาณ อีกทั้งคาดว่าปี 2565 นี้ ซัพพลายชิปจะเพียงพอขึ้น บริษัทจะสามารถผลิตรถยนต์ได้มากขึ้น
อีกทั้งวางแผนใช้โอกาสจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ช่วยกระตุ้นยอดขายอุตสาหกรรมยานยนต์ให้สูงขึ้นตามไปด้วย พร้อมกลับมากอบกู้ตำแหน่งแชมป์คืนได้ดังเดิม
ที่มา :










