สงครามรัสเซีย-ยูเครนรอบนี้ มีการปะทะกันทั้งกองกำลังและข้อมูลข่าวสาร เห็นได้จากการที่บริษัทโซเชียลแบนรัสเซีย ไม่ให้ใช้แพลตฟอร์มในการโฆษณา ป้องกันการแพร่ข้อมูลเท็จ
ฝั่งรัสเซีย จากเดิมที่มีความพยายามควบคุมข้อมูลข่าวสารในประเทศอยู่แล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น
สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียผ่านกฎหมายป้องกันข่าวปลอม ห้ามประชาชนเผยแพร่ข้อมูลที่ขัดแย้งกับแนวทางรัฐบาล รวมถึงห้ามใช้คำว่า “สงคราม” และ “บุกรุก” หากฝ่าฝืนต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี
นอกจากนี้ยังประกาศแบน Facebook ในเขตแดนรัสเซีย และยังมีรายงานด้วยว่าการใช้งาน Twitter ก็เป็นไปอย่างยากลำบาก ประชาชนรัสเซียจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึง Twitter ได้
ส่วน TikTok ก็ปิดกั้นไม่ให้คนรัสเซียโพสต์วิดีโอใหม่ เพราะเดี๋ยวจะมีปัญหากับกฎหมายป้องกันข่าวปลอมที่รัสเซียเพิ่งประกาศใช้
ดังนั้น ผลกระทบจึงตกอยู่ที่ประชาชนรัสเซียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ล่าสุด Twitter มีท่าใหม่ เตรียมเปิดใช้ช่องทางพิเศษผ่าน Tor Browser เพื่อให้สามารถใช้งานได้แม้จะอยู่ในเขตพื้นที่ที่มีการเซนเซอร์
[ Tor Browser คืออะไร ]
Tor Browser คือบราวเซอร์แบบเดียวกับที่เราใช้กันทั่วไปอย่าง Chrome, Firefox และ Safari แต่ Tor Browser แตกต่างออกไปตรงที่มีความเป็นส่วนตัวสูงกว่า ใช้งานได้แบบนิรนาม หรือไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นใคร ใช้งานจากที่ไหน
ในการใช้งาน Tor Browser ผู้ใช้งานต้องเข้าไปดาวน์โหลดผ่านเว็บไซต์ทางการของ Tor https://www.torproject.org/ เพื่อทำการติดตั้งในเครื่อง
เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว ก็สามารถใช้ Tor Browser ท่องเว็บไซต์ต่างๆ ได้ และด้วยวิธีการทำงานของ Tor ที่ปกปิดตัวตน และอาศัยการส่งต่อข้อมูลหลายครั้ง ทำให้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตไม่สามารถรู้ได้ว่าเราเข้าชมเว็บไซต์อะไร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ใช้ Tor สามารถหลบเลี่ยงการเซนเซอร์บางเว็บไซต์ในแต่ละประเทศได้
[ Twitter ออกโรงเคลื่อนไหว ]
จากการรายงานที่ว่าคนรัสเซียใช้งาน Twitter ได้อย่างยากลำบากนั้น Twitter ได้ออกมาแก้ปัญหาด้วยการเปิดตัว Twitter บน Tor Browser
โดย Alec Muffett ผู้เชี่ยวชาญและหนึ่งในบุคคลสำคัญของวงการความปลอดภัยไซเบอร์ ออกมาโพสต์ว่า ในนามของ Twitter มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะประกาศ Tor Project หรือ Twitter บน Tor Browser เขายังบอกด้วยว่ายินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์นี้
ใน Twitter ก็มีระบุการเข้าถึงผ่านช่องทางต่างๆ ในหน้าสนับสนุน ซึ่งมีทั้ง Edge, Safari, Chrome, Firefox และเพิ่มช่องทางของ Tor เข้ามาด้วย ส่วน Facebook นั้น มีช่องทางการเข้าถึงผ่าน Tor มาตั้งแต่ปี 2014 แล้ว
อย่างไรก็ตาม Tor ก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องเป็นช่องทางให้เว็บไซต์ผิดกฎหมาย อย่างเว็บค้ายา แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีการใช้งานในทางที่ดี เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยอย่างแท้จริง
ยกตัวอย่างเช่น สำนักข่าว เพิ่มช่องทางการเข้าถึงบน Tor เพื่อให้คนที่อยู่ในพื้นที่ที่ถูกรัฐบาลเซนเซอร์ข่าวสาร สามารถเข้าถึงได้ เช่น The New York Times, BBC, ProPublica เป็นต้น
นอกจาก Tor แล้ว ยังมี VPN หรือ virtual private networks ที่คนใช้งานกัน และเป็นที่นิยมในคนจีนและรัสเซีย เพื่อไว้คอยดูเว็บไซต์ที่ถูกปิดการเข้าถึงในประเทศ
ข้อมูลจากเว็บไซต์ Top VPN เผยด้วยว่า ตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค. ความต้องการใช้ VPN ของคนรัสเซียเพิ่มขึ้น 668% เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่จะเกิดการบุกยูเครน
ส่วนประเทศยูเครนก็มีความต้องการใช้ VPN สูงขึ้นกว่า 609%ในช่วงวันที่ 27 ก.พ. – 2 มี.ค. เนื่องจากสัญญาณอินเทอร์เน็ตหยุดชะงักจากการบุกรุก และการโจมตีไซเบอร์จากรัสเซีย
ชวนอ่าน ท่าทีของบริษัทเทคโนโลยีต่อสงคราม รัสเซีย-ยูเครน https://cms.workpointtoday.com/tech-companies-move-to-sanction-russia/










