น้ำท่วมอุบลเริ่มคลี่คลาย 8 อำเภอ ต้องเฝ้าระวังอีก 5 อำเภอ

น้ำท่วมอุบลเริ่มคลี่คลาย 8 อำเภอ ต้องเฝ้าระวังอีก 5 อำเภอ

ในประเทศ

ปภ.รายงานยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัยจากอิทธิพลพายุโพดุลและคาจิกิ 5 จังหวัด ระดมสรรพกำลังเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดอุบลราชธานี ระดับน้ำทรงตัว 8 อำเภอเริ่มคลี่คลาย

วันที่ 14 ก.ย. 2562 ข้อมูลจากศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ (สำนักงาน ปภ.อุบลราชธานี) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดอุบลราชธานี ว่ายังมีสถานการณ์อุทกภัย 13 อำเภอ 109 ตำบล 994 หมู่บ้าน และต้องมี 5 อำเภอที่จะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ อำเภอเมืองอุบลราชธานี วารินชำราบ พิบูลมังสาหาร สว่างวีระวงศ์ และอำเภอตาลสุม ส่วนพื้นที่ที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำเริ่มลดลงมี 8 อำเภอ ได้แก้ อ.เขื่องใน, ม่วงสามสิบ, เหล่าเสือโก้ก, ตระการพืชผล, ดอนมดแดง, นาเยีย, เดชอุดม และอ.สิรินธร

ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย รายงานภาพรวมทั้งประเทศที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน”โพดุล” และพายุโซนร้อน “คาจิกิ”ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 62 จนถึงปัจจุบัน (14 ก.ย. 62 เวลา 06.00น.) ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัยในพื้นที่ 32 จังหวัด 179 อำเภอ 932 ตำบล 6,902 หมู่บ้าน 5 เขตเทศบาล 11 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 407,069 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 32 ราย ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ อำนาจเจริญ ยโสธร อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด และศรีสะเกษ ซึ่งปภ.ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลัง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง รวมถึงดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัยเป็นหลัก อีกทั้งสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า อิทธิพลพายุโซนร้อน”โพดุล” และพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคมจนถึงปัจจุบัน (14 ก.ย. 62 เวลา 06.00 น.) ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย รวม 32 จังหวัด ได้แก่ อำนาจเจริญ กระบี่ ปราจีนบุรี แพร่ นครพนม เชียงใหม่ ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ระนอง เพชรบูรณ์ มหาสารคาม ขอนแก่น หนองบัวลำภู ยโสธร กาฬสินธุ์ น่าน ตราด มุกดาหาร อุตรดิตถ์ ชัยภูมิ สุรินทร์ พิษณุโลก พิจิตร แม่ฮ่องสอน ชุมพร อุดรธานี สระแก้ว ลำปาง เลย สุโขทัย ศรีสะเกษ และสกลนคร 32 จังหวัด 179 อำเภอ 932 ตำบล 6,902 หมู่บ้าน 5 เขตเทศบาล 11 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 407,069 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 32 ราย (ยโสธร 8 ราย ร้อยเอ็ด 6 ราย อำนาจเจริญ 4 ราย ขอนแก่น 3 ราย อุบลราชธานี 3 ราย พิจิตร 2 ราย ศรีสะเกษ 2 ราย พิษณุโลก 1 ราย มุกดาหาร 1 ราย สกลนคร 1 ราย น่าน 1 ราย) ผู้บาดเจ็บ 1 คน (ชัยภูมิ)

ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ อำนาจเจริญ ยโสธร อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด และศรีสะเกษ อพยพประชาชน 23,039 คน ในพื้นที่ 3 จังหวัด รวม 51 จุด ประกอบด้วย ยโสธร 15 จุด 2,045 คน อุบลราชธานี 51 จุด 20,864 คน ร้อยเอ็ด 22 จุด 130 คน

ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเจ้าหน้าที่ พร้อมระดมวัสดุอุปกรณ์ ยานพาหนะ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ภัย โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกเครื่องส่งสูบน้ำระยะไกล เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง รวมถึงดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประภัย โดยแจกจ่ายอาหาร น้ำดื่ม และถุงยังชีพอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์ภัยจะคลี่คลาย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่พร้อมรถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยและเรือท้องแบนให้บริการขนย้ายสิ่งของและอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชน ตลอดจนสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง