รมว.ยุติธรรม แถลงข่าวเปิดตัวแอป ‘U-NAI’ (อยู่ไหน) ให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลคนหายได้อย่างรวดเร็ว
วันที่ 9 ธ.ค. 2563 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พันตำรวจเอก ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แถลงข่าวเปิดตัวแอปพลิเคชัน U-NAI (อยู่ไหน) ที่พัฒนาโดยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึง ค้นหา และแจ้งคนหายได้ด้วยตนเอง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งของการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนคือ กรณีที่มีคนหาย คนนิรนาม หรือศพนิรนาม สังคมมักมีคำถามว่า มีการติดตามคนหายอย่างไร หรือมีหน่วยงานใดรับผิดชอบ หรือกรณีคนหาย ถูกฆาตกรรม และถูกลักพาตัว และพบศพในพื้นที่ที่ญาติไม่ทราบ
ดังนั้น การพัฒนาระบบแอปพลิเคชัน ‘U-NAI’ ถือเป็นกลไกที่มีมาตรฐานทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลคนหาย และเข้าถึงงานบริการของภาครัฐได้อย่างเสมอภาค เท่าเทียม โดยสามารถค้นหาคนหาย แจ้งคนหายได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งยังสามารถแชร์ภาพและข้อมูลของคนหายไปยังสื่อสังคมออนไลน์ และติดตามสถานะคดีได้ตลอดเวลาด้วย
นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ได้รับแจ้งคนสูญหาย จำนวน 3,170 ราย คนนิรนาม จำนวน 1,502 ราย และศพนิรนาม จำนวน 5,360 ศพ ซึ่งแอปพลิเคชัน ‘U-NAI’ จะช่วยติดตามคนหายได้ เช่น กรณีนายสยาม ธีรวุฒิ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ และนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมทางการเมืองที่หายตัวไป ขณะนี้ไม่ทราบว่าหายที่ไหน อย่างไร โดยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้มีการเก็บข้อมูลต่าง ๆ จากผู้ที่เกี่ยวข้องไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะใช้แอป ‘U-NAI’ เป็นข้อมูลในการติดตามจนกว่าจะพบ

บันทึกหน้าจอจากแอปพลิเคชัน ‘อยู่ไหน’
อย่างไรก็ตาม นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การพัฒนาแอปพลิเคชั่น ‘U-NAI’ จะมีการออกกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อรองรับการทำงาน ซึ่งจากการทดลองใช้งานก็มีผลในระดับที่น่าพอใจ โดยวันนี้กระทรวงยุติธรรมได้เปิดใช้งาน ‘U-NAI’ อย่างเป็นทางการ ซึ่งประชาชนทุกคนสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น ‘U-NAI’ (อยู่ไหน) ได้แล้ววันนี้ที่ Google Play และ App Store
จากการทดสอบเข้าใช้งานเบื้องต้นพบว่า แอปพลิเคชันต้องการสิทธิ์ในการเข้าถึงตำแหน่งที่อยู่ของผู้ใช้งาน และต้องใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือเพื่อลงทะเบียนรับ OTP (One-time password) ทาง SMS
และหากต้องการเข้าถึงข้อมูลโดยละเอียด รวมถึงการแจ้งคนหาย ผู้ใช้งานจำเป็นจะต้องลงทะเบียนเพิ่มเติม โดยการกรอกข้อมูลบัตรประชาชนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนให้ชัดเจนก่อนได้สิทธิ์ใช้งานเต็มรูปแบบ










