‘ยูนิโคล่’ ฉลองความสำเร็จดำเนินธุรกิจในไทยครบ 10 ปี ชี้โควิดทำผู้บริโภคหันซื้อเสื้อผ้าใส่อยู่บ้านมากขึ้น-ชุดทำงานลดลง ประกาศเดินหน้ากลยุทธ์ออนไลน์และออฟไลน์ เตรียมขยายสาขาเพิ่มเติม
วันที่ 29 ก.ย. 2564 นายโอกุริ โทโมโยชิ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ยูนิโคล่ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องแต่งกายจากประเทศญี่ปุ่น ได้ดำเนินกิจการในประเทศไทยมาครบ 10 ปีแล้วในปีนี้ หลังเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ในปี 2554 โดยไทยเป็นประเทศที่ 3 ในภูมิภาคนี้รองจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย
ซึ่งตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ยูนิโคล่ได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวไทย ทำให้มีการเติบโตทั้งในแง่ของธุรกิจ และมีการพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ต้องปิดการให้บริการในบางสาขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ยูนิโคล่ก็ได้นำแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นเข้ามาช่วยในการขาย และปรับสินค้าเพื่อรองรับกับความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ทำให้บริษัทยังสามารถประคองธุรกิจในช่วงที่ผ่านมาได้
“ในช่วงโควิด-19 ที่วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไป ผู้บริโภคต้องอยู่บ้านมากขึ้น แต่ถึงกระนั้น ดีมานด์ของลูกค้ายังมีอยู่ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบไป โดยเราพบว่าลูกค้าหันไปซื้อสินค้าสำหรับใส่อยู่บ้านมากขึ้น ขณะที่ดีมานด์เสื้อผ้าทำงานนั้นลดลง ทำให้เราปรับเพิ่มสินค้าในหมวดนี้มากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้คนนั่นเอง”

นายโอกุริ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ยูนิโคล่ยังพัฒนาการให้บริการบนแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อตอบสนองต่อดีมานด์การซื้อบนช่องทางออนไลน์ที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สามารถเช็กสต๊อกสินค้าในหน้าร้านได้, ติดตามสถานะการสั่งซื้อได้, ซื้อออนไลน์ ไปรับที่สาขาได้ รวมถึงซื้อและชำระเงินที่หน้าร้าน แต่ให้ไปส่งเดลิเวอรี่ได้
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุผลการดำเนินงานของยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ดังนี้
-ปี 2561 รายได้ 10,168 ล้านบาท กำไร 1,971 ล้านบาท
-ปี 2562 รายได้ 12,237 ล้านบาท กำไร 2,424 ล้านบาท
-ปี 2563 รายได้ 10,606 ล้านบาท กำไร 2,007 ล้านบาท
สำหรับทิศทางต่อจากนี้ของยูนิโคล่ ประเทศไทย นายโอกุริระบุว่ายูนิโคล่วางแนวทางการดำเนินงานไว้ดังนี้
-พัฒนาสินค้าให้หลากหลาย สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทุกช่วงเวลา
-เดินหน้าขยายสาขาให้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ยังไม่มีหน้าร้านของยูนิโคล่มาก่อน โดยจะให้ความสำคัญกับสาขาที่อยู่ในศูนย์การค้า และรูปแบบ Roadside เท่าๆ กัน ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้บริโภคในพื้นที่นั้น ซึ่งยูนิโคล่ต้องศึกษาผู้บริโภคก่อน
ทั้งนี้ ในปัจจุบันยูนิโคล่ให้บริการในไทยแล้ว 54 สาขา เป็นสาขาแบบ Roadside ทั้งสิ้น 6 สาขา คือ พัฒนาการ, ลาซาล, บุญถาวร ปิ่นเกล้า, อินเด็กซ์ ชัยพฤกษ์, มีนบุรี และนวมินทร์
ส่วนในปีนี้เตรียมเปิดเพิ่ม 2 สาขา คือ เซ็นทรัลพลาซา ศรีราชา และ เซ็นทรัล อยุธยา อีกด้วย
-เผยแพร่หลักปรัชญาไลฟ์แวร์ (LifeWear) ซึ่งมีที่มาจากค่านิยมของชาวญี่ปุ่นในเรื่องความเรียบง่าย คุณภาพ และความยืนยาว ที่ยูนิโคล่นำมาใช้ในโปรดักต์
-เสริมสร้างการสื่อสารให้ลูกค้าทราบถึงการให้บริการของยูนิโคล่ที่มีทั้งช่องทางออฟไลน์อย่างหน้าร้าน และออนไลน์คือทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
-ส่งเสริมกิจกรรมด้านความยั่งยืนเพื่อสังคมและชุมชนไทย เพื่อให้มั่นใจว่ายูนิโคล่ได้มอบคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้คนไทย
ด้านนายโยชิทาเกะ วากากุวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยูนิโคล่ ประเทศไทย กล่าวว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีของยูนิโคล่ ประเทศไทย ยูนิโคล่อยากมอบคำมั่นสัญญาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย และสร้างสรรค์เสื้อผ้าคุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ ตามหลักปรัชญาไลฟ์แวร์ พร้อมดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของยูนิโคล่เพื่อสานต่อการเป็นแบรนด์ที่มีคุณค่าในสังคมไทย
ขณะที่นางสาวเขมจิรา เทศประทีป ผู้อำนวยการการตลาดและประชาสัมพันธ์ ระบุว่า ในโอกาสครบรอบ 10 ปี ยูนิโคล่ได้เตรียมเซอร์ไพรส์ขอบคุณชาวไทยไว้มากมาย ดังนี้
-เสื้อยืด UT คอลเล็กชั่น Mickey Mouse in Thailand ที่นำคาแร็กเตอร์ยอดฮิตมาใส่ความเป็นไทยลงไปอย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็นการไหว้ หรือมวยไทย และเป็นครั้งแรกที่ยูนิโคล่ได้ร่วมมือกับดิสนีย์ในการผลิตเสื้อ UT และถุงผ้า Eco bag ที่ดีไซน์พิเศษสำหรับประเทศไทยเท่านั้น

– Thank You Card – การ์ดแทนคำขอบคุณนี้เป็นวัฒนธรรมองค์กรของทางยูนิโคล่ที่ใช้ขอบคุณกันภายในบริษัท โดย Thank You Card เป็นการ์ดขอบคุณใบเล็กๆ ที่แทนคำขอบคุณของยูนิโคล่ ประเทศไทย ผ่านภาพวาดพันธมิตรด้านความยั่งยืนของยูนิโคล่
-รับเครื่องดื่มที่ All Café ฟรี จำนวน 20,000 แก้ว สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าครบ 1,500 บาท ขึ้นไป และเป็นสมาชิกของยูนิโคล่ ทั้งที่ร้านยูนิโคล่หรือออนไลน์สโตร์ ระหว่างวันที่ 1 – 7 ตุลาคม โดยลูกค้าจะได้รับคูปองรับเครื่องดื่มเย็นขนาด 16 ออนซ์ที่ All Café ใน 7-11 กว่า 9,000 สาขาทั่วประเทศ สามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 20 ตุลาคมเท่านั้น










