กรมวิทย์ฯ เปิดผลวิจัยวัคซีน 2 เข็ม และผลบูสเตอร์โดส พบว่ามีภูมิคุ้มกันต่อสู้กับสายพันธุ์เดลตาได้
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ทำการวิจัยวัคซีนสลับชนิด ต่างแพลตฟอร์ม ว่าภูมิคุ้มกันขึ้นสูงแค่ไหน ซึ่งมีการศึกษาในอาสาสมัคร 125 ราย เป็นชาย 61 ราย หญิง 64 ราย อายุเฉลี่ย 40 ปี (18-60ปี) โดยตรวจระดับภูมิคุ้มกันที่เรียกว่า Quantitative Anti-S RBD ซึ่งเป็นการวัดภูมิภาพรวมไม่ได้แยกสายพันธุ์ใด
พบว่าการฉีดวัคซีนซิโนแวคกับซิโนแวค ภูมิคุ้มกันสูงขึ้นเป็น 117
ส่วนแอสตร้าเซนเนก้ากับแอสตร้าเซนเนก้า 207
ขณะที่การสลับสูตรซิโนแวคกับแอสตร้าเซนเนก้า ภูมิคุ้มกันขึ้นเฉลี่ยที่ 716 แต่ไม่ใช่ทุกคน อยู่ที่ภูมิฯ แต่ละคน ซึ่งภูมิสูงขึ้นได้ตั้งแต่ 399 – 1127
ในช่วงถัดมาไทยมีการฉีดบูสเตอร์ให้บุคลากรทางการแพทย์ ในส่วนที่ได้รับแอสตร้าฯ เข็มที่ 3 ก็พบว่า ภูมิคุ้มกันขึ้นเช่นกัน ซึ่งสามารถป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ได้
สูตรบูสเตอร์ ค่าเฉลี่ย 1,000 เศษ ขึ้นกว่าซิโนแวค 2 เข็มเดิมที่ได้รับ 10 กว่าเท่า แต่ยังไม่มีข้อมูลคนที่บูสเตอร์ด้วยไฟเซอร์ ซึ่งอนาคตต้องมีการตรวจประเมินต่อไป
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ส่วนผลข้างเคียงการฉีดวัคซีนไขว้ ซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า มีผลข้างเคียงคล้ายๆกับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม คือ มีไข้ ร้อยละ 66 ปวดศีรษะร้อยละ 33 อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ง่วงซึม ร้อยละ 28
นพ.ศุภกิจ กล่าวอีกว่า จากการตรวจภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลตาซึ่งระบาดในไทยแล้วกว่าร้อยละ 90 ได้ผลดังนี้
ซิโนแวค + ซิโนแวค ภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลตา 24.31
แอสตร้า + ซิโนแวค ภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลตา 25.83
แอสตร้าฯ + แอสตร้าฯ ภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลตา 76.52
ซิโนแวค + แอสตร้าฯ ภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลตา 78.65
ซิโนแวค + ซิโนแวค + ซิโนฟาร์ม ภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลตา 61.26 จะเห็นว่าภูมิสูงเช่นกัน แต่ไม่มากเท่าการฉีดเข็มบูสเตอร์ด้วยวัคซีนต่างชนิดกันขึ้นไม่มากเพราะเป็นเชื้อตายเหมือนกัน
ซิโนแวค + ซิโนแวค + แอสตร้าฯ ภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลตา 271.17 สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลตาได้ดี
แต่การวิจัยนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นนี้สามารถอยู่ได้นานเท่าไหร่
ขณะที่การฉีดวัคซีนไฟเซอร์บูสเป็นเข็มที่ 3 ยังไม่มีข้อมูล เพราะพึ่งมีการฉีดวัคซีนไป แต่จะมีการวิจัยเพิ่มเตอมหลังจากนี้
