รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงกรณีท้องถิ่นจัดหาวัคซีนโควิด-19 หวั่นเกิดความเหลื่อมล้ำ ไม่เท่าเทียม แต่ทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้แผนของ ศบค.
วันที่ 2 มิ.ย. 2564 การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2565 ในวันที่ 3 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจง เรื่องการจัดซื้อวัคซีนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่เป็นประเด็นขณะนี้ว่า ตั้งแต่มีปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 รัฐบาลได้ดำเนินการเรื่องนี้ โดยตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ภายใต้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน
ขณะที่ ส่วนท้องถิ่นก็เข้ามาดำเนินการ ทั้ง การจัดหาหน้ากากอนามัยให้กับพี่น้องประชาชน และใช้สถานที่ท้องถิ่นในการกักกัน สกัดกั้น รวมถึงใช้เป็นสถานที่จัดตั้ง รพ.สนาม เมื่อมาถึงเรื่องการจัดหาวัคซีน ที่อยากให้ อปท. เข้ามามีส่วนในการจัดหานั้น เมื่อพิจารณากฎหมายของ อปท. ก็เปิดให้สามารถจัดซื้อวัคซีนได้ แต่ก่อนหน้านี้ทางผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้แจ้งให้ทราบว่า การจัดหาวัคซีนในช่วงเริ่มแรกให้ภาครัฐเป็นฝ่ายดำเนินการ
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถ้า อปท. เข้ามาจัดซื้อวัคซีนเอง อาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในแต่ละพื้นที่ได้ เพราะบางแห่งมีงบประมาณ บางแห่งไม่มีงบประมาณ รวมทั้งกระบวนการจะเป็นอย่างไร และซื้อยี่ห้ออะไร อาจทำให้หลักการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ต้องฉีดครอบคลุมร้อยละ 70 ของประชาชนทั้งประเทศ ถ้าให้ อปท. ซื้อก็จะเกิดความเหลื่อมล้ำ เพราะบางแห่งซื้อได้เยอะ ก็ฉีดได้เยอะ บางแห่งซื้อได้น้อย ก็ฉีดได้น้อย ก็จะไม่เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ที่ขึ้นพร้อมกันทั้งประเทศ เหมือนที่สาธารณสุขระบุไว้
ทั้งนี้ แม้กฎหมายจะให้ อปท. ดำเนินการซื้อวัคซีนได้ แต่ต้องประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น ศบค. ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงได้ให้ ศบค. แจ้งไปที่ อปท. ว่าซื้อได้แต่ต้องอยู่ใต้แผนของ ศบค. สุดท้ายก็ต้องซื้อผ่านรัฐอยู่ดี










