ไทยจัดสรรวันซีนโควิด-19 แล้ว 1,038,385 โดส กระจายฉีด 555,396 โดสให้กับประชาชนใน 77 จังหวัด ระยะแรกเป็นกลุ่มเป้าหมาย ขณะที่ทั่วโลกฉีดวัคซีน 768 ล้านโดส ใน 168 ประเทศ
วันที่ 12 เม.ย.2564 นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย จากข้อมูล ณ วันที่ 10 เมษายน 2564 ไทยจัดสรรวัคซีนแล้วทั้งหมด 1,038,385 โดส จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 555,396 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น-เข็มแรก 485,957 โดส -เข็มสอง 69,439 โดส
กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการฉีดวัคซีน เรียงตามสัดส่วนมากที่สุด ได้แก่
-บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข และ อสม. 42%
-ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง 39%
-เจ้าหน้าที่อื่นๆที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 10%
-ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และบุคคลที่มีโรคประจำตัว อย่างละ 5%

ขณะที่การฉีดวัคซีนทั่วโลก ฉีดไปแล้ว 768 ล้านโดส ใน 168 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 17.7 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณารายประเทศพบว่าอิสราเอลได้ฉีดวัคซีนครอบคุลมเกินครึ่งของประชากรแล้ว ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 183 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 70 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 20 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (14.6% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 15 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 10 เมษายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 555,396 โดส โดยฉีดให้กับบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 42%
ในการฉีดวัคซีน จำนวน 768 ล้านโดสประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุดคือ
1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 183.47 ล้านโดส (24% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. จีน จำนวน 161.12 ล้านโดส (21%)
3. อินเดีย จำนวน 101.28 ล้านโดส (13%)
ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 8 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. อิสราเอล (56.5% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (41.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. มัลดีฟส์ (38.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford)
4. ภูฏาน (31.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford)
5. ชิลี (31.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. บาห์เรน (31%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
7. สหราชอาณาจักร (29.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Pfizer/BioNTech)
8. สหรัฐอเมริกา (28.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Johnson&Johnson)

ขณะที่ยอดการจองวัคซีนทั่วโลก รวมกันประมาณ 9,600 ล้านโดส ประเทศที่มียอดการจองวัคซีนจำนวนมากที่สุด ได้แก่ อินเดีย
-วัคซีนที่ได้รับการจองมากที่สุดคือวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford
-ประเทศที่มีการจองวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดคือ สหราชอาณาจักร
ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 20,750,481 โดส ได้แก่
1. สิงคโปร์ จำนวน 1,667,522 โดส (14.6% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
2. อินโดนีเซีย จำนวน 15,103,804 โดส (2.8% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac
3. มาเลเซีย จำนวน 941,200 โดส (1.4% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Sinovac
4. กัมพูชา จำนวน 418,569 โดส (1.3% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm
5. พม่า จำนวน 1,040,000 โดส (1% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
6. ไทย จำนวน 555,396 โดส (0.4% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
7. ฟิลิปปินส์ จำนวน 922,898 โดส (0.4% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
8. ลาว จำนวน 40,732 โดส (0.3% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm
9. บรูไน จำนวน 2,323 โดส (0.3% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
10. เวียดนาม จำนวน 58,037 โดส (<0.1% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca










