สายการบิน VietJet Air ไม่ใช่สายการบินใหม่ และเปิดตลาดประเทศไทยเกิน 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2013 ที่เปิดเที่ยวบินแรก ‘โฮจิมินห์-กรุงเทพฯ’ หลังจากนั้นก็เพิ่มเส้นทางบินมากขึ้น จนเกิดความร่วมมือเป็น ‘สายการบินไทยเวียตเจ็ท’ จนทุกวันนี้
ย้อนไปในปี 2007 Vietjet Air กลายเป็นสายการบินเอกชนแห่งแรกในประเทศเวียดนามที่ได้รับใบอนุญาตให้บินในเส้นทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ หลังจากนั้นในวันที่ 25 ธันวาคม 2011 ได้เริ่มเปิดบริการเที่ยวบินแรกอย่างเป็นทางการ ในเที่ยวบิน “นครโฮจิมินห์-ฮานอย”
Vietjet Air ถือว่าเป็นสายการบินที่เข้ามาในตลาดเวียดนามในช่วงจังหวะที่เหมาะเจาะ เพราะตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา คนเวียดนามระดับกลางที่เริ่มมีกำลังซื้อ เริ่มให้ความสนใจกับการเดินทางด้วยเครื่องบินมากขึ้น
โดย Vietjet Air ซึ่งเป็นสายการบินเอกชนที่ให้บริการรายแรก ๆ เรียกว่ากล้าที่จะงัดข้อกับสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ที่เป็นของรัฐบาล ด้วยราคาตั๋วบินที่ถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัด
จนทำให้ในปี 2014 Vietjet Air ให้บริการผู้โดยสารครบ 10 ล้านคนเป็นครั้งแรก และขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2015 ด้วยจำนวนผู้โดยสารมากขึ้นถึง 25 ล้านคน
[ มาร์เก็ตแชร์แซงหน้าสายการบินของรัฐ ]
มีข้อมูลเปิดเผยจาก Vietjet Air ในปี 2019 ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนั้น Vietjet Air ให้บริการเที่ยวบินไปทั้งหมดมากถึง 68,821 เที่ยวบิน คิดเป็น 45% ของเที่ยวบินทั้งหมดที่ให้บริการโดยสายการบินในประเทศ
โดย Vietjet Air กลายเป็นผู้นำในตลาดการบินภายในประเทศที่ครองส่วนแบ่งการตลาดได้สูงถึง 44% มากกว่าสายการบิน Vietnam Airlines ของรัฐบาล อยู่ที่ 42% ในปี 2023 ส่วนอันดับ 3 คือ Bamboo Airways (7%), Pacific Airlines and Vasco (4%) และ Vietravel Airlines (3%)
ซึ่งในปีเดียวกันนั้น Vietjet Air ถือว่าเป็นสายการบินไม่กี่รายในประเทศที่มีเส้นทางบินเกิน 100 เส้นทาง รวมทั้งในประเทศและต่างประเทศมากกว่า 125 เส้นทางบิน ทั้งยังให้บริการผู้โดยสารทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศครบ 100 ล้านคนด้วย
ต้องพูดว่าในปี 2020 ถือว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงและเป็นดาวเด่นในเวียดนาม เพราะนอกจากจะได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Air Transport Payload Asia ให้เป็น “สายการบินขนส่งสินค้ายอดเยี่ยมแห่งปี” และ “สายการบินราคาประหยัดที่มีการปฏิบัติการขนส่งสินค้ายอดเยี่ยมแห่งปี”
Vietjet Air ยังเป็นสายการบินที่ “ไม่ขาดทุน” เทียบกับ(บาง) สายการบินในประเทศที่ขาดทุน โดยผลประกอบการในปี 2020 อยู่ที่ประมาณ 788.3 ล้านเหรียญสหรัฐ และกำไรอยู่ที่ 2.9 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่ ดัชนีความน่าเชื่อถือทางเทคนิคของ Vietjet Air อยู่ที่ 99.64% (จาก 100%) ทำให้ได้รับการจัดอันดับความปลอดภัยสูงสุดที่ 7 ดาว (ระดับความปลอดภัยที่เหมาะสมที่สุด) ซึ่งมีเกณฑ์ต่างๆ หลายเรื่อง เช่น บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 2 ปี, บันทึกการชนในช่วง 5 ปี, อายุของฝูงบิน, ผลการตรวจสอบที่ดำเนินการโดยหน่วยงานกำกับดูแลการบิน องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และหน่วยงานการบินอื่นๆ เป็นต้น
อีกทั้งยังกลายเป็นหนึ่งในสายการบินต้นทุนต่ำที่ปลอดภัยและดีที่สุดในโลกในปี 2020 จากการจัดอันดับของ Airlineratings

[ เน้นเพิ่มความร่วมมือ บริหารต้นทุนคุ้มค่า ]
มีหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ในกลยุทธ์ของ Vietjet Air ที่อาจจะพอตอบคำถามได้ว่า ขายตั๋วถูกกว่าหลายๆ สายการบิน แต่ทำไมยังมีกำไรทุกปี โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ที่สายการบินส่วนใหญ่ขาดทุน และต้องปลดพนักงานเพื่อลีนองค์กร
นับตั้งแต่ปี 2020 Vietjet Air เริ่มใช้กลยุทธ์หารายได้เสริม นอกเหนือจากรายได้ (การโดยสารคน) เพราะผู้เล่นหน้าใหม่มากขึ้น ทำให้ตัวเลือกในเรื่องราคา และเส้นทางบินหลากหลาย สายการบินจึงเปิดบริการ ‘ขนส่งสินค้า’ จากความร่วมมือในหลายๆ ประเทศที่เคยไปเยือนมาก่อนหน้านี้ และการันตีความปลอดภัยของตัวสินค้าในราคาที่เข้าถึงง่าย
การเปิดศูนย์บริการภาคพื้นดินของตัวเอง ที่ท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงฮานอย เพื่อให้สามารถปรับตารางบินของตัวเองได้อย่างอิสระ เป็นจุดแข็งที่สายการบินสามารถเพิ่มหรือลดบางเที่ยวบิน เพื่อสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้โดยสารในแต่ละช่วงได้
และการเปิดศูนย์ภาคพื้นดินของตัวเอง ทำให้ Vietjet Air สามารถจัดการต้นทุนการดำเนินการได้สบายๆ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนคนที่ต้องใช้, บริการเสริมอื่นๆ ของสายการบิน ที่สำคัญคือ ‘ความถี่’ ในการเพิ่มเที่ยวบินที่มากขึ้นได้
Vietjet Air ยังมีการทำสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันล่วงหน้า (Fuel Hedging) หมายความว่า สายการบินไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายราคาน้ำมันที่สูงขึ้นตามตลาดโลก หรือกังวลเกี่ยวกับปัจจัยภายนอกที่จะทำให้ราคาน้ำมันสูง ซึ่งในปี 2021 Vietjet Air มีต้นทุนเชื้อเพลิงที่ถูกกว่าตลาดโลกมากถึง 25%
ส่วนความร่วมมืออื่นๆ ระหว่างประเทศ เป็นเหมือนการปูพรม ‘ความเชื่อ’ ของสายการบินว่าพร้อมบริการมากแค่ไหน ที่ผ่านมา ‘เหงียน ที เฟือง เถา’ (Nguyen Thi Phuong Thao) CEO หญิงแห่ง Vietjet Air มหาเศรษฐีผู้หญิงคนเดียวในเวียดนาม เดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ เพื่อเซ็นความร่วมมือต่อยอดธุรกิจในอนาคต
เช่น ในปี 2023 ภายในงาน Czech – Vietnam Business Forum ที่ได้ลงนามความร่วมมือในการพัฒนาโปรแกรมการฝึกอบรมนักบินขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะช่วยให้ Vietjet Air สามารถบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพสูงได้ และในเชิงสัญลักษณ์ในฐานะที่เป็นสายการบินโลว์คอสต์แต่ความปลอดภัยสูง
ในปีเดียวกัน ‘เหงียน ที เฟือง เถา’ ได้เดินทางไปออสเตรเลีย เพื่อร่วมพิธีเปิดตัวเส้นทางบินตรง จากนครโฮจิมินห์ไปยังบริสเบน และพัฒนาความร่วมมือทางการค้าร่วมกับเมืองบริสเบน, ควีนส์แลนด์ และออสเตรเลียโดยรวม
รวมถึงการบรรลุข้อตกลงกับ Novus Aviation Capital บริษัทชั้นนำด้านการเงิน และบริการเช่าเครื่องบินในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนด้านการเงินด้านการบินและการสนับสนุนทางการเงินสำหรับเครื่องบิน และข้อตกลงเกี่ยวกับในการจัดหาเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) ให้กับ Vietjet Air เป็นต้น
กลยุทธ์การทำธุรกิจแบบ Vietjet Air ก็ไม่น่าแปลกใจถ้าจะบอกว่า ทุกวันนี้ก็ยังเป็นสายการบินที่ครองมาร์เก็ตแชร์มากที่สุดในเวียดนาม โดยปี 2023 มีรายได้รวมทั้งหมดอยู่ที่ 23,500 ล้านเหรียญสหรัฐ
จากรายได้หลัก 2 ส่วนใหญ่คือ รายได้จากการขนส่งผู้โดยสาร 51% และการขนส่งทางอากาศ 39% เรามองว่า วิธีการทำธุรกิจของ Vietjet Air น่าจะเป็นกรณีศึกษาให้กับสายการบินอื่นๆ ได้อีกมาก รวมทั้งสายการบินในไทย ทั้งในแง่การวางกลยุทธ์ ไปจนถึงความร่วมมือเพื่อขยายการเติบโต

อ้างอิง:










