ถ้าพูดถึงนาฬิกาหรูก็ต้องเป็นแบรนด์ดังจาก ‘สวิตเซอร์แลนด์’ อย่าง Rolex, Patek Philippe, Audemars Piguet, Omega, Breguet และอื่นๆ ด้วยความที่แบรนด์เหล่านี้มีความพิถีพิถันในการผลิต มีเทคนิคงานสร้างที่ซับซ้อน มีตำนานของแบรนด์มาเนิ่นนานจนเป็นเสน่ห์ให้คนหลงใหลพร้อมจ่ายในราคาแพงระยับเพื่อให้ได้มาครอบครอง
ถ้าเรามาดูเทคนิคที่น่าสนใจแบรนด์นาฬิกาหรูเหล่านี้ก็เช่น
-
-
-
-
- Tourbillon ระบบกลไกช่วยลดผลกระทบของแรงโน้มถ่วงที่มีต่อตัวกลไก
- Minute Repeater ระบบกลไกทำงานเงียบแต่ตีบอกเวลาเป็นเสียงได้ (คล้ายระฆัง) เช่น บอกชั่วโมง นาที
- Perpetual Calendar ระบบกลไกที่นาฬิกาสามารถแสดงวันที่, วันในสัปดาห์, เดือน และปี โดยคำนวณความยาวของเดือนและปีอธิกสุรทินได้โดยอัตโนมัติ และอื่นๆ
-
-
-
อย่างที่บอกไปเทคนิคเหล่านี้ทำให้แบรนด์นาฬิกาหรูจากสวิตเซอร์แลนด์ดูมีเสน่ห์และดูน่าสะสม มาพร้อมกับภาพลักษณ์ของแต่ละแบรนด์ที่มีอายุมาอย่างยาวนานหลักร้อยปี รวมๆ แล้วทำให้ดูเหมือนว่าในอุตสาหกรรมนาฬิกาหรูคงไม่มีใครมาแทนแบรนด์จากสวิตเซอร์แลนด์ได้เลย
[ แบรนด์นาฬิกาจีนอยากแทนที่แบรนด์สวิส ]
ถ้าเรามาดูกลุ่มตลาดหลักของสินค้าหรูทั้งหมดรวมนาฬิกาหรูเข้าไปด้วยก็จะพบว่า ยอดขายส่วนใหญ่มาจาก ‘คนจีน’ แต่ทว่าในตอนนี้เศรษฐกิจในจีนยังไม่แข็งแรงนัก เหมือนจะฟื้นตัวได้ดี แต่ก็ไม่ขนาดนั้น ทำแบรนด์หรูยอดขายตกไปหลายแบรนด์ นาฬิกาหรูก็เช่นกัน ซึ่งในช่วง ม.ค.-ต.ค. 2024 ยอดส่งออกนาฬิกาสวิสไปจีนลดลง 26%
ทางกลับกันผู้ผลิตนาฬิกาจีนที่เคยถูกมองว่าเน้นผลิตสินค้าแบบทีละมากๆ ขายรุ่นธรรมดาราคาจับต้องได้ ตอนนี้ได้หันมาใช้โมเดลธุรกิจใหม่ คือ ผลิต ‘นาฬิกาหรู’ ที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับแบรนด์สวิสฯ ขึ้นมา เพื่อที่จะแข่งขันเจาะกลุ่มกำลังซื้อสูงให้ได้ในตลาดโลก
ถึงเศรษฐกิจจีนจะดูชะลอตัวลง ผู้คนลดการใช้เงิน แต่ก็ใช่ว่าคนจีนส่วนมากจะไม่ใช้จ่ายอะไรเลย แต่ยังมีกลุ่มคนมีกำลังซื้อสูงที่ยังใช้จ่ายเพื่อของฟุ่มเฟือยอยู่ โดยมีอินไซต์จาก Vogue Business และ Barclays Research บอกไว้ว่ากว่าครึ่งของผู้บริโภคชาวจีนที่มีกำลังซื้อสูงอยู่ในช่วงอายุ 18-24 ปี (Gen Z) และกลุ่มคนเหล่านี้กำลังสนใจซื้อนาฬิกาเพื่อการลงทุน
อีกทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่เน้นความเรียบง่ายและความละเอียดอ่อนในสไตล์เฉพาะตัวมากกว่าการอวดฐานะผ่านของหรู พวกเขามองว่านาฬิกาเป็นตัวแทนรสนิยมมากกว่าแค่สัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ส่งผลให้แบรนด์นาฬิกาที่เน้นเล่าเรื่องราวและดีไซน์เฉพาะตัวเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น
เลยเป็นโอกาสของแบรนด์นาฬิกาหรูของจีนที่หวังจะตีตลาดในบ้านเกิดเพื่อเอาชนะแบรนด์นาฬิกาสวิสฯ โดยตอนนี้มีรายงานว่ากระแสตอบรับเริ่มดีขึ้นมาเรื่อยๆ จนเกิดกลุ่มนักสะสมชาวจีนเริ่มหันมาซื้อนาฬิกาหรูแบรนด์จีนกันเองมากขึ้น
[ รวมแบรนด์นาฬิกาจีนที่มาแรง ]
สำหรับแบรนด์นาฬิหกาหรูจีนที่มาแรงก็จะมี
-
-
-
-
- Atelier Wen ก่อตั้งในปี 2018 และสร้างชื่อเสียงด้วยคอลเลกชัน Porcelain Odyssey ที่เน้นหน้าปัดพอร์ซเลนพร้อมตัวอักษรจีน แบรนด์นี้มุ่งผลิตนาฬิกาคุณภาพระดับโลกที่สะท้อนถึงความภาคภูมิใจในมรดกวัฒนธรรมจีน ราคาเริ่มต้นเพียง 700 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 24,500 บาท) และขายหมดภายในปีแรก
- Behrens แบรนด์จากเซินเจิ้น ได้รับการยอมรับในเวที Grand Prix d’Horlogerie de Genève มีนาฬิการุ่น Rotary ราคา 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 175,000 บาท) โดดเด่นด้วยกลไกที่ได้แรงบันดาลใจจากเครื่องยนต์สันดาป
- Logan Kuan Rao แบรนด์นาฬิกาจากช่างนาฬิกาจากกว่างโจว ผลิตนาฬิกาเพียง 10 เรือนต่อปี โดยใช้เวลาทำเรือนละ 18 เดือน สะท้อนถึงความพิเศษเฉพาะตัวและฝีมือช่าง
-
-
-
นอกจากนี้ ในอุตสาหกรรมนาฬิกาหรูช่างฝีมือชาวจีนยังผสมผสานศิลปะดั้งเดิมเข้ากับการออกแบบ เช่น การใช้เทคนิค guilloché (การแกะสลักลวดลายละเอียดบนหน้าปัด) และการวาดภาพจีนบนหน้าปัดมากขึ้น หรือพูดง่ายๆ ว่าแบรนด์นาฬิกาหรูในจีนตอนนี้กำลังทำให้ตัวเองดูมีค่าและดูมีเสน่ห์เป็นหนึ่งในคอลเลกชันน่าเก็บของนักสะสม
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าแบรนด์นาฬิกาหรูจีนก็ยังต้องสู้อีกมาก เพราะถ้ามามองในอุปสรรคหลักๆ ตอนนี้ก็ยังมีเรื่องความเชื่อมั่นในคุณภาพ เนื่องจากภาพลักษณ์สินค้า “ผลิตในจีน” ที่บางคนยังมองว่าเป็นสินค้าราคาถูก รวมถึงการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เพื่อแข่งขันกับแบรนด์สวิสที่มีมรดกทางประวัติศาสตร์ยาวนาน และต้องมีการบริการหลังการขาย ที่ต้องได้มาตรฐานสากลไปพร้อมๆ กันด้วย
ก็ต้องมาดูกันต่อว่าแบรนด์นาฬิกาหรูในจีนจะสามารถขึ้นมาตีตลาดแบรนด์นาฬิกาสวิสฯ ได้หรือไม่ ดูแล้วไม่ใช่ง่ายๆ เลย แต่ถึงอย่างนั้นพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไว ถ้าสุดท้ายนาฬิกาหรูแบรนด์จีนมาร่วมขอส่วนแบ่งตลาด แน่นอนว่าแบรนด์จากสวิสฯ เองก็อาจจะต้องปรับตัวไปด้วย..










