“คุณพระช่วย”
“ยกสยาม”
“จำอวดหน้าจอ”
“ชิงช้าสวรรค์”
“เพลงเอก”

หากใครที่ติดตามรายการโทรทัศน์ของเวิร์คพอยท์ คงเคยผ่านตากับรายการเหล่านี้มาบ้าง ซึ่งถึงแม้รายการดังกล่าวจะมีรูปแบบที่แตกต่างกัน ทั้งรายการเรียลลิตี้โชว์ รายการเกมโชว์ หรือรายการวาไรตี้โชว์ แต่สิ่งหนึ่งที่รายการเหล่านี้มีร่วมกันก็คือการส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรมไทย ผ่านรูปแบบรายการที่เคลือบความสนุกและความคิดสร้างสรรค์ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของเวิร์คพอยท์ที่คนดูทุกรุ่นสัมผัสได้

การันตีได้จากรางวัลด้านการส่งเสริมวัฒธรรมมากมายที่เคยได้รับ อาทิ โล่เกียรติคุณองค์กรคนดีที่ผลิตสื่อส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม, โล่ส่งเสริมสนับสนุนโครงการจิตสำนึกรักเมืองไทย, รางวัลเชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ด้านศาสนาและศิลปวัฒนธรรม และรางวัลรายการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมดีเด่นในหลากหลายเวที
ย้อนความเป็นไทยในรายการโทรทัศน์
ว่ากันตามตรงเราอยู่ในยุคสมัยที่คนดูโทรทัศน์กันน้อยลง และหันหน้าเข้าสู่ความบันเทิงในโลกออนไลน์มากขึ้น แต่ถ้าย้อนกลับไปสมัยก่อน โทรทัศน์ถือเป็นสื่อที่มีอิทธิพลและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์จึงต้องพัฒนาเนื้อหาสาระและรูปแบบรายการให้ตอบโจทย์ตามต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด

เวิร์คพอยท์เองก็เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ที่อยู่คู่วงการจอแก้วมานานกว่า 30 ปี มีรายการโทรทัศน์ในความทรงจำนับไม่ถ้วน หากให้นึกเร็วๆ ก็จะมีรายการสร้างชื่ออย่าง แฟนพันธุ์แท้, ชิงร้อยชิงล้าน, เกมทศกัณฐ์, คุณพระช่วย, จำอวดหน้าจอ , ชิงช้าสวรรค์ หรือ The Mask Singer
ไม่มากก็น้อย รายการเหล่านี้มีความเป็นไทยบางอย่างสอดแทรกอยู่เสมอ

“ผมว่าความเป็นไทยสำหรับเวิร์คพอยท์ คือไทยบันเทิง ไทยสนุกสนาน คาแรคเตอร์เราไม่ใช่รายการนั่งคุยซีเรียสจริงจัง ต่อให้เป็นแบบนั้นเราก็อยู่บนพื้นฐานของความอารมณ์ดี เป็นความเป็นไทยที่เข้าถึงง่าย จับต้องได้ ส่วนสิ่งที่ทรงคุณค่าเราก็อนุรักษ์ไว้ แต่เราก็เหมือนเด็กดื้อขี้เล่นที่อยากรู้นะว่า ทำไมถึงต้องไว้บนหิ้ง เพราะอะไรที่อยู่บนหิ้งนานๆ ฝุ่นก็จะขึ้น” มาร์วิน – ธนธัช ไตรรัตน์วงศ์ หนึ่งในโปรดิวเซอร์รายการเวิร์คพอยท์ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นนี้

มาร์วิน – ธนธัช ไตรรัตน์วงศ์
โปรดิวเซอร์ รายการโจ๊กตัดโจ๊ก
ยกตัวอย่าง คุณพระช่วย ที่มีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอเรื่องราวของศิลปะวัฒนธรรม และบอกเล่าที่มาของความเป็นไทยอย่างตรงไปตรงมา ขณะเดียวกันก็ประยุกต์ศาสตร์โทรทัศน์มาปรุงให้น่าสนใจ แบ่งเป็นช่วงๆ เช่น ช่วงคุณพระเชี่ยวที่นำภูมิปัญญาไทยและศิลปวัฒนธรรมมานำเสนอผ่านผู้รู้, ช่วงคุณช่วงพระโชว์กับการแสดงดนตรีไทยที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน หรือช่วงคุณพระประชันที่เปิดเวทีให้เยาวชนมาสำแดงฝีมือทางศิลปวัฒนธรรม ทั้งยังต่อยอดออกมาในรูปแบบคอนเสิร์ต คุณพระช่วย สำแดงสด ให้อรรถรสเต็มครบครันทั้งแสง สี เสียงในเวลาต่อมา

และนอกเหนือจากรายการวาไรตี้แล้ว ซิทคอมอย่าง ระเบิดเถิดเทิง ก็เป็นอีกหนึ่งรายการที่ฉายภาพวิถีชีวิตชุมชนของคนไทย ผ่านตัวละครและฉากที่แปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัยความเป็นจริง
ความมุ่งมั่นในการสืบสานและรักษาไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรมไทยของเวิร์คพอยท์ ไม่ได้มีอยู่แค่ในรายการโทรทัศน์ แต่ยังสานต่อมายังภาพยนตร์แอนิเมชัน ยักษ์ (Yak: The Giant King) ในปี 2555 อีกด้วย กับการใส่องค์ประกอบและการสื่อสารที่แสดงความเป็นไทยผ่านเรื่องราวและตัวละครที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรามเกียรติ์ ยักษ์ จึงสร้างความตื่นเต้นให้กับวงการภาพยนตร์ไทย และเป็นหลักไมล์สำคัญให้กับวงการแอนิเมชั่นไทยมาถึงทุกวันนี้
โจ๊กตัดโจ๊ก พื้นที่ใหม่ของศิลปินตลก
ล่าสุดเวิร์คพอยท์เพิ่งออกฉายรายการ โจ๊กตัดโจ๊ก 2 ฟรีสไตล์ หลังประสบความสำเร็จจากซีซัน 1 เป็นรายการประกวดร้องเพลงที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความเพราะ แต่ยังมอบเสียงหัวเราะให้คนดูจากผู้เข้าแข่งขันที่เป็นศิลปินตลก
นำทัพโดย หม่ำ จ๊กม๊ก (เพ็ชรทาย วงษ์คําเหลา) ทำหน้าที่โปรโมเตอร์หรือผู้จัดรายการให้กับรายการนี้ ทำให้เกิดการประชันเสียงเพลง ไปพร้อมๆ กับการประชันมุกตลกบนเวที

“คุณอาจจะคุ้นเคยกับภาพของตลกที่ร้องเพลงเพลงอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการร้องให้คนดูขำเสียมากกว่า แต่ผมการันตีได้ว่า ด้านหลังเวทีตลกเหล่านี้มีความสามารถทางด้านการร้องเพลงที่ไม่ธรรมดา ผมเลยอยากจัดพื้นที่ให้พวกเขาได้แสดงความสามารถ”
นี่คือไอเดียของคุณหม่ำกับทีมงานเวิร์คพอยท์ ก่อนได้รับไฟเขียวเปิดโปรเจกต์เวทีการประกวดแข่งขันร้องเพลงลูกทุ่งที่รวบรวมกองทัพศิลปินตลก 24 ชีวิต เพื่อเฟ้นหาสุดยอดตลกเสียงดีของประเทศไทย

“ตลกทุกคนมีเพลงเป็นตัวเอง ก็เลยคิดว่าน่าจะมีรายการที่ให้พื้นที่ตลกมาประกวดร้องเพลง” มาร์วิน – ธนธัช กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของรายการ “ตอนแรกคิดว่าจะเป็นช่วงหนึ่งในรายการซูเปอร์หม่ำด้วยซ้ำ แต่พี่หม่ำบอกว่า มันเป็นรายการใหญ่ได้ ก็เลยพัฒนาร่วมกันจนกลายเป็นโจ๊กตัดโจ๊ก”
ทั้งนี้ก็เพราะเส้นทางชีวิตตลกส่วนใหญ่ผ่านวงดนตรีลูกทุ่ง ลิเก หรือหมอลำมาก่อน ทำให้เขามีความเชี่ยวชาญในการร้องเพลงลูกทุ่งมากกว่า ขณะเดียวก็ยังมีความสามารถในการเล่นดนตรี รวมไปถึงการเล่นมุกตลกในเวลาเดียวกัน ทำให้ตลกกลายเป็นศาสตร์ศาสตร์หนึ่งที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ศาสตร์อื่นเลย

“ประวัติศาสตร์ตลกเป็นเรื่องสู้ชีวิตมากนะครับ บางคนเริ่มจากเป็นเด็กยกของผันตัวมาสู่หลังเวที เป็นตลกหมอลำ ตลกลิเก ตลกวงลูกทุ่ง แล้วก็รวมกลุ่มกันเข้าเมืองมาแสดงเป็นตลกคาเฟ่ ก่อนจะเข้าสู่วงการโทรทัศน์ และตอนนี้ก็ปรับตัวสู่โซเชียลมีเดียกันแล้ว ทำให้ตลอดชีวิตของพวกเขามีการฝึกซ้อม ลับคม และพัฒนาความสามารถของตัวเองเสมอ” มาร์วิน – ธนธัช เสริม
หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันที่เรียกฮือฮาในโซเชียลมีเดียเป็นอย่างมากคือ น้าโย่ง เชิญยิ้ม (พิเชษฐ์ เอี่ยมชาวนา) ที่โชว์ความสามารถมากกว่าแค่การร้องเพลง ด้วยการเล่นเครื่องดนตรีไทยและสากลประกอบการแสดง เกิดเป็นโชว์หลากหลายรูปแบบที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ สร้างความเซอร์ไพรส์ให้คนดูทุกครั้งจนกลายทอร์คออฟเดอะทาวน์ กระทั่งมีคนบอกว่า เขาควรได้รับการเชิดชูเป็นศิลปินแห่งชาติทีเดียว เหนือสิ่งอื่นใด เขายังนำศาสตร์ศิลป์โบราณของไทยมาแสดงบนเวทีให้คนรุ่นใหม่ได้รับชม


ฉะนั้นหากคำว่า ศิลปิน คือผู้มีความสามารถแสดงออกซึ่งคุณค่าทางศิลปะ โจ๊กตัดโจ๊ก ก็เป็นอีกหนึ่งรายการที่เปิดพื้นที่ให้ตลกได้แสดงความสามารถคู่ควรในฐานะศิลปินไทยอย่างแท้จริง
สร้างสรรค์และต่อยอดความเป็นไทย
ถึงแม้นิยามความเป็นไทยจะเป็นสิ่งที่ใครหลายคนวิพากย์วิจารณ์กัน แต่สิ่งที่เวิร์คพอยท์พยายามทำคือการไม่ปล่อยให้ความเป็นไทยหยุดนิ่งตายตัว หากแต่มีการเลื่อนไหลเปลี่ยนแปลงไม่ให้มีลักษณะหนึ่งเดียว
สอดคล้องกับงานวิจัย การบริหารรายการโทรทัศน์ที่แสดงออกซึ่งความเป็นไทยของ บริษัท เวิร์คพอยท์เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่บ่งบอกว่า ความตั้งใจอันแน่วแน่ขององค์กรคือความต้องการสร้างสรรค์รายการที่แสดงออกซึ่งความเป็นไทย พร้อมนโยบายการผลิตก็เปิดโอกาสให้คนทำงานมีอิสระทางความคิด และสามารถนำเสนอรูปแบบรายการได้โดยไม่มีข้อจำกัด

“โจ๊กตัดโจ๊กเป็นรายการที่ทำงานและสนุกมาก เพราะตลกทุกคนมีความครีเอทีฟอยู่ในตัว ทุกคนพร้อมนำเสนอความเป็นตัวตนออกมา ถึงแม้รายการจะมีรางวัลและตำแหน่งเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ทุกคนช่วยกันคิดเพื่อให้โชว์ของตัวเองออกมาดี และให้รายการสนุกประทับใจคนดู” มาร์วิน – ธนธัช กล่าวถึงเบื้องหลังกระบวนการทำรายการ
“เรานำความเป็นไทยที่ตลกมีประยุกต์กับวงการบันเทิง ไม่ได้ยัดเหยียด ยกตัวอย่างบางเพลงเราก็ตีความเป็นวรรณคดีไทย เป็นโชว์พระอภัยมณี นางเงือก เงาะเป่า ฯลฯ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สวยงามและอยู่ในชีวิตประจำวัน บางอย่างอาจเลือนหายไปบ้าง แต่เราอยากพูดถึงในมุมบันเทิงที่ตระการตา สุดท้ายแล้วถ้าคุณไม่ยัดเหยียด ความเป็นไทยก็จะอยู่ในความรักของคนดูเอง”
นี่คือสิ่งสำคัญที่ความเป็นไทยในสื่อทุกแขนงควรยืดหยุ่นและหลุดกรอบจากภายจำแบบเดิมๆ เติมเต็มด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอสิ่งใหม่ให้สนุก เพราะหากยังอนุรักษ์ด้วยวิธีการเดิมๆ เราก็คงไม่มีวันนำความเป็นไทยเข้าไปอยู่ในใจคนดูได้สำเร็จอย่างวันนี้

แน่นอนว่าอนาคตคนดูจะยังคงได้เห็นรายการใหม่ๆ ของเวิร์คพอยท์ ที่ผสมผสานความเป็นไทย ความบันเทิง และความคิดสร้างสรรค์ต่อไปเรื่อยๆ เพราะเราเห็นความสำคัญของศิลปวัฒนธรรมไทยเสมอมา และจะสร้างสรรค์เนื้อหาวาไรตี้อันดับหนึ่งเพื่อสร้างรอยยิ้มแรงบันดาลใจดี ๆ ตลอดไป
อ้างอิง










