ก่อนหน้านี้ทั่วโลกกังวลประเด็นเศรษฐกิจถดถอยค่อนข้างมากจากผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แต่หลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤตมาได้เราเริ่มที่จะเห็นเศรษฐกิจในหลายๆ ประเทศมีการฟื้นตัวกลับขึ้นมา และบางประเทศก็อาจจะฟื้นตัวได้ดีกว่าในช่วงก่อนหน้านี้แล้วด้วยซ้ำไป
ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังดูเหมือนจะฟื้นแต่ก็ไม่ฟื้นสักที เป็นเศรษฐกิจในรูปแบบ K-shape หรือฟื้นได้ไม่ทั่วถึง ยังมีปัญหาความเหลือมล้ำซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่แก้ไขได้ยาก
และเห็นได้ชัดจากจำนวนประชากรไทยที่มีค่อนข้างมากถึง 65 ล้านคน (ข้อมูลประชากรกลางปี 2566) แต่ยังมีคนจนมากกว่าคนรวยเพราะเศรษฐกิจเติบโตแบบกระจุกตัว และทวีคูณมากขึ้นในช่วงโควิดซึ่งเป็นปัญหาที่คอยฉุดรั่งเศรษฐกิจไทย
โดยในรายงานฉบับใหม่ของธนาคารโลก (World Bank) ได้มีการปรับประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ลดลงเหลือ 2.4% ซึ่งเป็นการปรับลดลงจากครั้งก่อนที่เคยคาดไว้ที่ 2.8% สาเหตุมาจากการฟื้นตัวของท่องเที่ยวและส่งออกในครึ่งปีแรกที่เติบโตน้อยกว่าคาด
ส่วนในปี 2568 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจคาดว่าจะอยู่ที่ 2.8% ซึ่งแม้ว่าหนี้สาธารณะของไทยจะยังคงอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ แต่รัฐบาลต้องเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายในด้านสวัสดิการสังคมและการลงทุนภาครัฐเพื่อรองรับประชากรสูงอายุที่จะเพิ่มขึ้น
‘ฟาบริซิโอ ซาร์โคเน’ ผู้จัดการธนาคารโลกประจําไทย กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะต้องรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่สําคัญ ในรายงานของ World Bank ได้ระบุถึงข้อเสนอแนะที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของไทยในระยะยาวด้วยการส่งเสริมศักยภาพเมืองรอง
โดยเมืองรองของไทยหลายเมืองมีศักยภาพที่ยังไม่ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ และเป็นกุญแจสําคัญในการนำประเทศกลับสู่เส้นทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่สำคัญประเทศไทยเป็นประเทศแห่งการท่องเที่ยวอยู่แล้ว
รายงานคาดว่าในปี 2567 พบว่าจะมีจํานวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้นเป็น 36.1 ล้านคนสูงกว่าในปี 2566 ที่มีนักท่องเที่ยว 28.2 ล้านคน
อีกทั้งยังคาดการณ์ว่าในปีหน้าจะมีจํานวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามารวมทั้งสิ้น 41.1 ล้านคน ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาด เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนจะกลับมาท่องเที่ยวในไทยเป็นจํานวนมากขึ้น
ดังนั้น การส่งเสริมพัฒนาเมืองรอง จะเป็นการเพิ่มศักยภาพโดยรวมของประเทศ ช่วยลดปัญหาความเหลี่ยมล้ำให้ประชากรได้เข้าถึงความเจริญอย่างเท่าเทียม ได้มีโอกาสพัฒนาอาชีพ มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีจนนำไปสู๋การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยได้
TODAY Bizview ได้ยกตัวอย่าง ‘เมืองรอง’ ในต่างประเทศที่ได้รับความนิยมให้เห็นภาพมากขึ้น เช่น เมืองรองเกาหลีอย่าง คังวอนโด ปูซาน เมืองรองของญี่ปุ่นอย่างฟุกุโอกะ กิฟุ หรือชิบะ เป็นต้น ส่วนเมืองรองของไทยที่ได้รับความนิยม 5 อันดับแรก ได้แก่ จันทบุรี นครศรีธรรมราช นครนายก ราชบุรี และเชียงราย (ข้อมูลจากอโกด้า)
แต่ไทยมีจังหวัดเมืองรองทั้งหมด 55 จังหวัด ซึ่งหากมีการส่งเสริมเมืองรองให้มีศักยภาพมากขึ้น สามารถดึงดูดนักเที่ยวและเกิดกระจายรายได้ได้อย่างทั่วถึงเพิ่มขึ้น น่าจะเป็นจุดที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มาก










