แฟนบอลหลายคนคงเริ่มสังเกตเห็นว่า ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ แต่ละเกมมีการทดเวลากันนานกว่าการแข่งขันรายการอื่นๆ ที่เคยได้ดูมา
ปกติแล้วเวลาผู้ตัดสินที่ 4 ชูป้ายทดเวลาขึ้นมา เรามักจะคุ้นชินกับการทดเวลา 2-4 นาทีเป็นเรื่องปกติ หากเริ่มมีการทด 5 นาทีขึ้นไป ก็จะเริ่มรู้แล้วว่าระหว่างการแข่งขันต้องมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เกมหยุดไปนานพอสมควร
แต่ในฟุตบอลโลก 2022 นี้ ใน 4 คู่แรกที่ลงทำการแข่งขัน มีการทดเวลารวมกันถึง 65 นาที เท่ากับว่า โดยเฉลี่ยแล้วในแต่ละครึ่งเวลา มีการทดเวลานานกว่า 8 นาที ซึ่งถือว่าเกินกว่าการทดเวลาตามปกติไปมาก
สำหรับครึ่งแรกของคู่อังกฤษ-อิหร่าน เราอาจจะพอเข้าใจได้ เนื่องจากมีจังหวะที่ผู้รักษาประตูอิหร่านบาดเจ็บจนต้องปฐมพยาบาลในสนามเป็นเวลานาน จนต้องทดเวลาครึ่งแรกถึง 14 นาที แต่พอครึ่งหลัง ก็ยังมาทดอีก 13 นาที
ส่วนคู่อื่นๆ ก็จะเห็นว่ามีการทดเวลานานกว่าปกติเช่นกัน แม้ในเกมคู่เปิดสนามระหว่างกาตาร์-เอกวาดอร์ ที่นอกจากจังหวะเช็ก VAR ที่ริบประตูของเอกวาดอร์ไปตอนต้นเกมแล้ว ก็ไม่ได้มีการหยุดเกมบ่อยนัก แต่ก็ยังทดเวลาไปครึ่งละ 5 นาที รวมแล้วใช้เวลาแข่งขันกันไป 100 นาที 18 วินาที
ในประเด็นเรื่องทดเวลาลักษณะนี้ ปิแอร์ลุยจิ คอลลินา อดีตผู้ตัดสินชื่อดังชาวอิตาลี ที่ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการผู้ตัดสินของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า อธิบายไว้ว่า ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 จะมีการทดเวลาเพิ่มจากเวลาที่เสียไป จากการฉลองประตูหรือการกระทำอื่นๆ ที่ทำให้เกมช้าลง อย่างเช่น การถ่วงเวลา จังหวะบอลออกจากสนาม จังหวะเตะลูกนิ่ง
“ลองคิดดูว่า ถ้ามี 3 ประตูเกิดขึ้นในครึ่งเวลาเดียว เราอาจจะต้องเสียไป 4-5 นาทีจากการฉลองประตูและรอเอาบอลกลับมาเริ่มเล่นใหม่” คอลลินาเผย
แน่นอนว่าการทดเวลาในลักษณะนี้ ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดประตูในช่วงท้ายเกมมากขึ้น โดยใน 4 เกมแรก เราได้เห็นการยิงประตูในช่วงทดเวลาที่นานกว่าปกติไปแล้ว 2 ลูก คือจุดโทษจาก เมห์ดี ทาเรมี ของอิหร่าน ในนาที 90+13 และประตูจาก ดาวี คลาสเซน ของเนเธอร์แลนด์ ในนาที 90+9
สำหรับแฟนบอลที่ติดตามการถ่ายทอดสด กลายเป็นว่า ก่อนหน้านี้ที่เรามักคาดว่าฟุตบอล 1 แมตช์จะจบภายในเวลา 1 ชั่วโมง 50 นาที ถึง 2 ชั่วโมง ก็คงต้องเผื่อเวลามากกว่าเดิม ว่าการดูฟุตบอลโลก 2022 อาจต้องใช้เวลายาว 2 ชั่วโมง ถึง 2 ชั่วโมง 15 นาทีโดยประมาณ
หากมองในแง่ดี ระบบที่นำมาใช้นี้อาจทำให้เกมการแข่งขันมีความยุติธรรมมากยิ่งขึ้น การแกล้งเจ็บหรือเจตนาถ่วงเวลาจะไม่ได้ส่งผลกับเกมมากเท่าเมื่อก่อน
แต่ในอีกแง่หนึ่ง ก็ทำให้การแข่งขันฟุตบอลที่ถือว่าเป็นกีฬาที่ใช้เวลาแข่งกันนานอยู่แล้ว ต้องใช้เวลามากขึ้นไปอีก ส่งผลให้นักเตะต้องลงเล่นนานกว่าเดิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และก็อาจจะส่งผลถึงสภาพความฟิตในช่วงปลายทัวร์นาเมนต์ในที่สุด










