เร่งป้องกันแมงกะพรุนเข้าพื้นที่อนุบาล ‘พะยูนมาเรียม’ พร้อมรับมือช่วงมรสุม

เร่งป้องกันแมงกะพรุนเข้าพื้นที่อนุบาล ‘พะยูนมาเรียม’ พร้อมรับมือช่วงมรสุม

ในประเทศ

(มาเรียมว่ายน้ำกับแม่ส้ม)

ทีมสัตวแพทย์ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เตรียมตาข่ายดักแมงกะพรุนไฟในพื้นที่อนุบาลมาเรียม เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครได้รับอันตรายจากพิษแมงกะพรุนกล่อง ขณะเดียวกันเตรียมบ่อยางไว้เป็นบ่อชั่วคราว หากสถานการณ์คลื่นลมแรงรุนแรงเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่

วันที่ 19 มิ.ย. 2562 ทีมสัตว์แพทย์ได้ปรับสูตรอาหารให้มาเรียม เพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโต โดยขณะนี้มาเรียมเจริญเติบโตขึ้นตามลำดับ ความยาววัดประมาณ 120 เซนติเมตร น้ำหนักเกือบ 30 กก.ความยาววัดได้ประมาณ 1.5 เมตร ซึ่งปกติลูกพะยูนจะอยู่กับแม่จนอายุประมาณ 1 ปีครึ่ง – 2 ปี ดังนั้นจะต้องมีความยาวเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 30 เซนติเมตรจึงจะอยู่ได้ด้วยตัวเองและน้ำหนักต้องมากกว่านี้

ส่วนปัญหาที่เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครประสบขณะปฏิบัติงาน คือ ถูกพิษแมงกะพรุนกล่อง พิษปลากระเบน และถูกหินบาด ทำให้ได้รับบาดเจ็บ จึงมีการจัดเตรียมน้ำส้มสายชู น้ำร้อนเอาไว้ เพื่อไว้สำหรับปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล นอกจากนั้นให้อาสาสมัครและทีมสัตวแพทย์ที่ลงป้อนอาหารให้มาเรียมสวมใส่เสื้อผ้าที่แน่นหนามิดชิด และเตรียมแผนใช้ตาข่ายล้อมบริเวณที่เจ้าหน้าที่ให้อาหารมาเรียม เพื่อไม่ให้แมงกะพรุนกล่องเข้ามา เป็นปัญหากับเจ้าหน้าที่ให้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งแมงกะพรุนไม่ส่งผลใดๆ ต่อมาเรียม

ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน จังหวัดภูเก็ต

ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน จังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่าได้เตรียมบ่ออนุบาลชั่วคราวไว้ให้มาเรียมสำหรับกรณีฉุกเฉินช่วงมรสุมแล้ว “เป็นบ่อยาง สามารถเป่าลมเข้าไปแล้วใช้ได้เลยกรณีฉุกเฉิน แต่ความคิดของเรา ที่นำมาเรียมมาเลี้ยงในธรรมชาติ เพราะไม่อยากเห็นอนาคตของมาเรียมอยู่ในบ่อเลี้ยงกับคน เราอยากให้เค้าเรียนรู้ธรรมชาติให้มากที่สุด การเรียนรู้ธรรมชาติ ก็คือ การเรียนรู้ในเรื่องของอันตรายต่างๆ รอบตัวที่เค้าจะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยเราจะพยายามให้เค้าอยู่ได้ แต่แน่นอนว่าอยู่ในธรรมชาติย่อมมีความเสียง เราต้องยอมรับในส่วนนั้น

https://www.facebook.com/kongkiat.kittiwatanawong/posts/10157116764112752

ทั้งนี้ ทีมสัตวแพทย์ ยังแสดงความเป็นห่วง ว่ามาเรียม อาจได้รับอันตรายจาการทำกิจกรรมทางน้ำ การสัญจรของเรือ จึงขอความร่วมมือไม่ให้เรือเข้าใกล้พื้นที่อนุบาล ในช่วงฤดูมรสุมน้ำมีสีขุ่นทำให้ยากต่อการตามหาตัวมาเรียม เพื่อป้อนอาหาร จึงต้องนำเรือแคนูสีส้ม หรือแม่ส้ม ลอยลำอยู่กับมาเรียมให้มากขึ้น เพื่อให้อยู่ในพื้นที่ซึ่งสามารถหาตัวได้ง่าย ส่วนในช่วงกลางคืนจะใช้แผนเอาแม่ส้มไปจอดไว้กลางร่องน้ำ เพื่อให้มาเรียมไปนอนในบริเวณร่องน้ำใต้แม่ส้ม ป้องกันการเกยตื้น

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง