สร้างความโกลาหลกันไปทั่วทั้งโลกเลยก็ว่าได้ หลังเมื่อค่ำคืนวันที่ 4 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ‘เฟซบุ๊ก’ และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในเครืออย่างเมสเซนเจอร์, อินสตาแกรม และวอทส์แอป ล่มทั่วโลก
ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กกว่า 3 พันล้านบัญชี รวมถึงผู้ใช้งานในแพลตฟอร์มในเครือข้างต้น ไม่สามารถใช้งานได้เป็นเวลานานนับ 6 ชั่วโมง โดยในไทยนั้นตั้งแต่ราว 22.00 น. นับเป็นเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดของเฟซบุ๊กตั้งแต่ปี 2008
และจากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เกิดแรงเทขายหุ้นของบริษัทโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่รายนี้จนหุ้นของเฟซบุ๊กร่วงลง 4.9% ซึ่งส่งผลให้ ‘มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก’ ซีอีโอเฟซบุ๊ก ทรัพย์สินลดลงมากกว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2.03 แสนล้านบาทภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ทั้งยังส่งผลให้อันดับมหาเศรษฐีของเขาร่วงลงมาสู่อันดับ 5 ของโลกตามหลัง ‘บิล เกตส์’ ตามการจัดอันดับของบลูมเบิร์ก โดยมาร์คมีทรัพย์สินลดลงมาอยู่ที่ 1.22 แสนล้านดอลลาร์ จากที่ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้เขามีทรัพย์สินอยู่ที่เกือบ 1.40 แสนล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ หากดูตั้งแต่กลางเดือน ก.ย. เป็นต้นมา หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลงราว 15% แล้ว หลังจากเผชิญกับกระแสข่าวลบที่มีผู้แจ้งเบาะแสออกมาแฉเรื่องราวต่างๆ จนถึงเหตุการณ์ระบบล่มครั้งล่าสุด
โดยเมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา Wall Street Journal ได้เริ่มเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ที่บอกว่ามาจากไฟล์เอกสารภายในของเฟซบุ๊ก ที่ทำให้เห็นว่าเฟซบุ๊กซุกซ่อนปัญหาเกี่ยวกับโปรดักต์ไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น
-อันตรายของอินสตาแกรมต่อสุขภาพจิตของเด็กสาววัยรุ่น
-ข้อมูลผิดๆ เกี่ยวกับการจลาจล Capitol เมื่อวันที่ 6 ม.ค.
-การพยายามเพิ่มประสิทธิภาพอัลกอริทึมให้ดันคอนเทนต์ที่สร้างความเกลียดชัง
โดยรายงานดังกล่าวได้รับความสนใจจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผู้แจ้งเบาะแสได้เปิดเผยตัวเองแล้ว (คลิกอ่านข่าว https://cms.workpointtoday.com/facebook-whistleblower-leaked-documents-files-regulation/)
ขณะที่เฟซบุ๊กออกมาตอบกลับโดยเน้นย้ำว่าปัญหาที่ผลิตภัณฑ์ของตนเผชิญ ซึ่งรวมถึงการแบ่งขั้วทางการเมือง มีความซับซ้อนและไม่ได้เกิดจากเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว
ที่มา: https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-10-04/zuckerberg-loses-7-billion-in-hours-as-facebook-plunges?sref=LQZclhPm










