
สภาพอากาศหน้าร้อนในหลายประเทศทั่วโลกปีนี้ อุณหภูมิสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ กระทบชีวิตประจำวัน และผลผลิตทางการเกษตร ขณะที่ญี่ปุ่น หลังจากเจอกับอุทกภัยครั้งรุนแรง เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้ก็ยังต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 100 คน
สำนักข่าวเอ็นเอชเค รายงานว่า ปีนี้ ญี่ปุ่น เผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัดเป็นประวัติการณ์ โดยสถิติสูงสุด คือเมื่อวันที่ 23 ก.ค.อุณหภูมิไปแตะที่ 41.1 องศาเซสเซียส ถือเป็นอากาศร้อนสูงสุดของปีนี้ โดยในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลกว่า 50,000 คน เป็น 2 เท่าของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดด ของเดือนที่แล้วอยู่ที่ 119 คน ในจำนวนนี้มีผู้ที่อายุมากถึง 84 ปี และโดยส่วนใหญ่แล้ว คือ ผู้ที่พักอาศัยอยู่ในบ้านที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ
ทั้งนี้ อุณหภูมิในประเทศญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้น หลังจากเกิดฝนตกหนัก และมีน้ำท่วมครั้งใหญ่ ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา โดยที่จังหวัดกิฟุ เขตภัยพิบัติมีอุณหภูมิล่าสุดที่ประมาณ 40.2 องศาเซสเซียส ขณะที่โตเกียว อุณหภูมิอยู่ที่ 36.5 องศาเซลเซียส

ภาพจาก @WON_Weather
ที่ ประเทศเกาหลีใต้ มีรายงานผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนแล้วอย่างน้อย 29 คน อุณหภูมิในกรุงโซล พุ่งสูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียสนับเป็นอากาศที่ร้อนจัดในรอบกว่า 100 ปี ขณะที่จังหวัดคังวอน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโซลไปประมาณ 63 กิโลเมตร มีอุณหภูมิ สูงถึง 41 องศาเซลเซียส ชาวเกาหลีใต้ จึงปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตด้วยการไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีเครื่องปรับอากาศ แทนการเดินซื้อของตลาดสด เช่นเดียวกับที่ ประเทศจีน
Record-breaking heat possible for Europe over the next few days.
The records to break are:
Spain: 47.3C
Portugal: 47.4C
Europe: 48C (Athens, Greece)Current forecasts for SW Spain / SE/E Portugal
Today:46C
Fri: 47C
Sat: 47C— BBC Weather (@bbcweather) 2 สิงหาคม 2561
ฟากทวีปยุโรป ก็ได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อนที่มาจากทวีปแอฟริกา โดยที่เมืองเบจา ตอนใต้ของประเทศโปรตุเกส มีอุณหภูมิขึ้นถึง 47 องศาเซลเซียส เช่นเดียวกับที่เมืองอีโวรา ของประเทศสเปน อุณหภูมิขยับเข้าใกล้ 44 องศาเซสเซียสแล้ว นอกจากนี้ทั้งโปรตุเกส และสเปนต้องเจอกับ “ฝุ่น” จากทะเลทรายซาฮารา
สำนักอุตุนิยมวิทยาอังกฤษคาดการณ์ว่า วันที่ร้อนที่สุดของยุโรปปีนี้ คือวันที่ 4 ส.ค. โดยพื้นที่คาบสมุทรไอบีเรีย ทางตะวันตกเฉียงใต้ของยุโรป จะมีอุณหภูมิสูงกว่า 48 องศาเซสเซียส ทำลายสถิติที่เคยเกิดขึ้นใน กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เมื่อปี 2520

ผู้คนในยุโรปออกมาคลายความร้อน
ขณะที่ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี สมาคมชาวนา คาดการณ์ว่าผลผลิตข้าวสาลีในปีนี้ จะได้ที่ประมาณ 36 ล้านตัน ลดลงจากผลผลิตที่ได้จากปีที่แล้ว ประมาณร้อยละ 20 เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นส่งผลต่อการเติบโตของพืช โดยอุณหภูมิในเยอรมนี เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาสูงที่สุดในรอบ 137 ปี ขณะที่เดือน มิ.ย. และก.ค.ที่ผ่านมายังแห้งแล้งกว่าปกติด้วย
Withered sunflowers, scorched wheat fields, stunted cornstalks — the farmlands of northern Germany have borne the brunt of this year’s extreme heat and record-low rainfall, triggering an epochal drought https://t.co/wQnfecHrjQ pic.twitter.com/Tqon3Umdr0
— AFP news agency (@AFP) 29 กรกฎาคม 2561
สำนักข่าววีโอเอ เปิดเผยผลการวิจัยโดย Urban Climate Change Research Network ที่มีสำนักงานในนิวยอร์ก ได้ศึกษาข้อมูลจากเมืองต่างๆ มากกว่า 2,500 แห่งเเละพยากรณ์ว่าจะเกิดภัยเเล้งบ่อยขึ้น หากปริมาณแก๊สเรือนกระจกยังเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับปัจจุบัน
การศึกษาพบว่า ปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างที่เกิดในเมืองเคปทาวน์จะพบบ่อยขึ้นกับเมืองใหญ่ 500 แห่งทั่วโลก กระทบต่อคน 650 ล้านคนตั้งเเต่เซา เปาโลไปถึงกรุงเตหะราน ซึ่งจะมีน้ำใช้น้อยลงภายในปี 2050
ขอบคุณภาพ @CBSEveningNews









