ความเข้มข้นคาร์บอนไดออกไซด์บนชั้นบรรยากาศสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เป็นสิ่งที่เตือนว่าต้องมีมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้นเพื่อที่จะบรรลุความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
วันที่ 30 ตุลาคม 2560 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกเปิดเผยว่า ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) บนชั้นบรรยากาศปี 2559 เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในรอบกว่า 800,000 ปี
โดยความเข้มข้นเฉลี่ยของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลกในปี 2559 มีประมาณ 403.3 พีพีเอ็ม (ส่วนต่อล้านส่วน) เพิ่มขึ้นจากระดับ 400.00 พีพีเอ็ม ในปี 2558 ซึ่งเป็นผลมาจากการกระทำของมนุษย์และปรากฎการณ์เอลนีโญ
Greenhouse Gas Bulletin หรือรายงานประจำปีของหน่วยงานที่ว่าด้วยสภาพอากาศขององค์การสหประชาชน ได้ดำเนินการศึกษาก๊าซพิษที่เป็นอันตรายในชั้นบรรยากาศในยุคหลังอุตสาหกรรม หรือตั้งแต่ปี 2293 เป็นต้นมา โดยได้รวบรวมข้อมูลจากสถานีติดตาม เมานาโลอา รัฐฮาวาย
หากย้อนกลับไปเมื่อ 3 – 5 ล้านปีก่อน นักวิจัยพบว่าอัตราความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มีความใกล้เคียงกับปี 2559 ซึ่งทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นกว่า 20 เมตร และอุณหภูมิของดาวเคราะห์เพิ่มขึ้น 2 – 3 องศาเซลเซียส
ด้านนายเพทเทอรี ทาลาส หัวหน้าองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก กล่าวกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศว่า หากเราดำเนินการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas) ตั้งแต่วันนี้ โลกของเรายังคงพอมีความหวังอยู่
“หากเราไม่ดำเนินการลดการปล่อยก๊าซฯ อย่างเร่งด่วนจะทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นและจะเป็นอันตรายภายในศตวรรษนี้ ทำให้อุณภูมิที่สูงขึ้น สูงกว่าเป้าหมายในความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (Paris Agreement)”
ความตกลงปารีสเป็นการลงนามข้อตกลงที่มีเป้าหมายควบคุมอุณหูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มเกิน 2 องศาเซลเซียส โดยเป็นระดับที่จะเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตจนอาจไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ หรือพยายามจำกัดไม่ให้เพิ่มเกิน 1.5 องศาเซลเซียส จากช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม
มีกว่า 196 ประเทศลงนามข้อตกลงเมื่อ 2 ปีก่อน และต้องเผชิญกับความกดดันครั้งใหม่ หลังจากสหรัฐอเมริกาที่นำโดย ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว
แต่ยังคงมีอีกหลายประเทศกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการพูดคุยเจรจาเรื่องสภาพภูมิอากาศที่จะมีขึ้นในกรุงบอนน์ ประเทศเยอรมนี ในสัปดาห์หน้า
ที่มา: AFP
