มหาวิทยาลัยกานาเอารูปปั้นคานธีออกแล้ว หลังนักศึกษาพากันร้องเรียนว่ามหาบุรุษชาวอินเดียมองว่าชาวแอฟริกันต่ำต้อยกว่าคนอินเดีย
รูปปั้นดังกล่าวมหาวิทยาลัยได้รับมอบจากรัฐบาลอินเดียเมื่อปี 2559 เพื่อแทนสัญลักษณ์แห่งสันถวไมตรีระหว่างสองประเทศที่เคยได้มีโอกาสต่อต้านระบอบอาณานิคมของอังกฤษออกจากประเทศร่วมกัน
ก่อนหน้านี้นักวิชาการหลายคนออกมาเปิดเผยว่ามีเอกสารหลักฐานหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นอีกด้านของคานธี ซึ่งถูกยกย่องเป็นมหาบุรุษมาตลอด เนื่องจากเป็นผู้เรียกร้องให้อังกฤษมอบเอกราชแก่อินเดียด้วยวิธีอหิงสา
ในทัศนะของชาวอินเดียเขาคือชาวฮินดูผู้รักชาติและศาสนา นอกจากนี้เขายังเป็นแรงบันดาลใจให้นักเรียกร้องรุ่นหลัง เช่น มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ เดินตามเป็นแบบอย่าง แต่เร็ว ๆ นี้เริ่มมีกระแสตั้งคำถามว่าแท้จริงแล้ว คานธีอาจจะเป็นคนเหยียดสีผิวก็ได้
หนังสือของนักเขียนชาวแอฟริกาใต้ 2 คนที่ตีพิมพ์ในปี 2015 ชี้ว่าหลายครั้งเอกสารหลายชิ้นที่คานธีในวัยหนุ่ มเขียนขึ้นในแอฟริกาใต้ระหว่างช่วงปี 1893-1915 เขาเลือกใช้คำว่า “คาฟฟีร์” ที่คนผิวขาวใช้เหยียดคนผิวสี
โดยใน Petition to Lord Ripon (1895) เขาเขียนว่า “คนอินเดียถูกปฏิบัติไม่ต่างอะไรจากพวกคาฟฟีร์ ถูกห้ามไม่ให้มีสินทรัพย์” หรือในจดหมายส่วนตัว(1904) คานธีก็เขียนว่า “ผมรู้สึกได้ว่าคนที่นี่เหมารวมว่า
คนอินเดียเป็นพวกคาฟฟีร์ไปเสียหมด” นอกจากนี้ ยังมีงานเขียนส่วนหนึ่งที่แสดงว่าคนอินเดียเหนือกว่าคนผิวสี ดังที่ปรากฏใน Petition to Chamberlain (1899) ว่า “คนอินเดียหนือกว่าพวกคาฟฟีร์มากมายนัก”
หลายเสียงแสดงความเห็นใจคานธีว่าเราไม่ควรตัดสินความคิดเห็นของใครคนนึงในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยเฉพาะเพื่อค่านิยมของสังคมยุคนั้นได้หล่อหลอมให้คานธีต้องมีความเห็นในด้านลบต่อคนผิวสี
รัชโมหันธ์ คานธี ซึ่งเป็นทายาทของคานธีเองเคยพูดที่ชมรมโต้วาทีมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด ว่าคานธีเองก็เป็นปุถุชนคนธรรมดาที่ไม่ได้ดีไปทุกอย่าง แต่ถึงเขาจะเหยียดผิว เราก็ต้องยอมรับว่าเขามีหัวก้าวหน้ามากกว่าคนอินเดียในยุคเดียวกัน
ส่วนเนลสัน แมนเดลาก็เคยมีความเห็นว่าเราต้องให้อภัยคานธี เพราะเขาเกิดมาในยุคที่ทุกคนคิดแบบนั้น
แต่คานธีในวัยหนุ่มกับคานธีที่เป็นมหาบุรุษอาจจะมีความคิดเกี่ยวกับคนผิวสีต่างกัน เราสามาระเห็นได้ว่าตั้งแต่คานธีและกลุ่มคนอินเดียตัดสินใจช่วยชีวิตชาวซูลูที่ก่อกบฏต่อต้านคนผิวขาว ในปี 1906 หลังจากนั้น
บทความสุนทรพจน์ของเขาก็เปลี่ยนทิศทางไปสนับสนุนคนผิวสีมากขึ้น และยังสนับสนุนให้ออกมาเรียกร้องเอกราชของประเทศตนเองร่วมกัน
เรื่องนี้ทำให้แมนเดลาเชื่อว่า คานธีในวันหนุ่ม กับคานธีที่ก้าวข้ามอคติและได้เป้นมหาบุรุษแล้ว อาจจะมีความคิดไม่เหมือนกัน
เหตุการณ์ในกานาไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนเรียกร้องให้ทำลายรูปปั้นของคานธี โดยเมื่อปี 2558 รูปปั้นคานธีที่โจฮันเนสเบิร์กเคยถูกประชาชนทำลายเสียเอง และการก่อสร้างรูปปั้นที่มาลาวีก็ต้องหยุดชะงักลง เนื่องจากทหารสั่งไม่ให้เอารูปปั้นขึ้นทั้งที่สร้างฐานเสร็จแล้ว ในอินเตอร์เน็ตเองก็มีกระแสต่อต้าน โดยชาวเน็ตร่วมกันติดแฮชแท็ก #Ganhdimustfall ต่อต้านการสร้างรูปปั้น
คานธีกำลังเผชิญวิกฤตศรัทธาอย่างหนัก ซึ่งนอกจากประเด็นเหยียดผิวแล้ว ตัวเขายังถูกตั้งคำถามจากในอินเดียซึ่งเป็นบ้านเกิดด้วย เนื่องจากในฐานะชาวฮินดูเขาก็สนับสนุนให้มีระบบวรรณะมาเสมอ โดยเขียนในวารสาร Navajivan ว่า สังคมฮินดูจะรอดได้เพราะระบบวรรณะ การทำลายระบบนี้แล้วแทนที่ด้วยระบบสังคมแบบยุโรปหมายความว่าชาวฮินดูต้องเลือกทำอาชีพตามครอบครัว ระบบรับอาชีพต่อกันตามสายเลือกนี้เป็นระบบอันเป็นนิรันด์ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงจะทำให้เกิดความยุ่งเหยิงในสังคม จะเคารพพราหณ์ได้อย่างไรถ้าเขาจะไม่ได้เป็นพราหมณ์ทั้งชีวิต คงจะวุ่นวายน่าดูหากวันหนึ่งพราหมณ์กลายเป็นศูทร และศูทรเปลี่ยนมาเป็นพราหมณ์
ที่มา:
https://www.theguardian.com/world/2018/dec/14/racist-gandhi-statue-removed-from-university-of-ghana
https://www.bbc.com/news/blogs-trending-37430324









