
ประเด็นคือ – ชาวอเมริกันนับแสน ออกมาเดินบนท้องถนน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล เพิ่มความเข้มงวดในกฎหมายควบคุมปืน หลังเกิดเหตุกราดยิงหลายครั้งตั้งแต่ต้นปีนี้
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ชาวอเมริกันจำนวนนับแสนคน (ตามรายงานประมาณ 175,000 คน) ออกมาเดินขบวนประท้วงทั่วสหรัฐฯ ตามกลุ่มเคลื่อนไหว ที่ใช้ชื่อว่า “เคลื่อนขบวนเพื่อชีวิตของเรา” หรือ March for Our Lives ที่ก่อตั้งโดยนักเรียนและผู้รอดชีวิต จากเหตุกราดยิงที่โรงเรียนที่โรงเรียนมัธยม “มาร์จอรี สโตนแมน ดั๊กลาส” เมืองปาร์คแลนด์ รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา
หนึ่งในนักเรียนผู้รอดชีวิต กล่าวปราศรัยที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยได้เอ่ยชื่อของผู้เสียชีวิตทั้ง 17 คน และยืนสงบนิ่งไว้อาลัย เป็นเวลา 6 นาที 20 วินาที เท่ากับช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายกับเพื่อนในโรงเรียน
ทั้งนี้ กระแสการต่อต้านอาวุธปืนในสหรัฐฯ มีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังเกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนมัธยมดังกล่าว โดยการชุมนุม เพื่อเรียกร้องให้นักการเมืองสหรัฐฯ ออกมาตรการควบคุมอาวุธปืนต่างๆ รวมทั้งการขายอาวุธปืนจู่โจม ซึ่งถูกใช้ในการก่อเหตุครั้งนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ชาวอเมริกันอีกกลุ่ม คัดค้านการออกมาเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยระบุว่า สิทธิ์ในการครอบครองอาวุธปืนได้รับการคุ้มครอง โดยรัฐธรรมนูญ ขณะที่ทำเนียบขาว ออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลได้เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อจัดการปัญหาความรุนแรงจากอาวุธปืนแล้ว รวมทั้งอุปกรณ์ bump stock ซึ่งทำให้ปืนยิงได้อย่างต่อเนื่อง เหมือนปืนอัตโนมัติ
Paul McCartney at NYC March For Our Lives: ‘One Of My Best Friends Was Killed By Gun Violence’ https://t.co/KHWZLhbAZt (VIDEO) pic.twitter.com/VFiT29ExIR
— Mediaite (@Mediaite) 24 มีนาคม 2561
Show us how you march: https://t.co/HMLflQM0Nu
— March For Our Lives NYC (@March4LivesNYC) 24 มีนาคม 2561
ด้าน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ทวิตข้อความว่า รัฐบาลประธานาธิบดี บารัค โอบามา ทำให้เกิดการค้า อุปกรณ์ bump Stock ซึ่งเป็นแนวความคิดที่เลวร้าย ซึ่งเขาจะหาทางควบคุมร้านจำหน่ายอาวุธให้ทำอย่างถูกกฎหมาย
Obama Administration legalized bump stocks. BAD IDEA. As I promised, today the Department of Justice will issue the rule banning BUMP STOCKS with a mandated comment period. We will BAN all devices that turn legal weapons into illegal machine guns.
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) 23 มีนาคม 2561
ขอบคุณภาพ AFP
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง









