
เรียนรู้บทเรียน 5 ประเทศจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว ที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลต้องเจอมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
ปัญหามลพิษทางอากาศที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเผชิญกับฝุ่นละอองขนาดเล็กขนาด 2.5 ไมครอน ซึ่งเป็นฝุ่นขนาดจิ๋วมากๆ เล็กกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมคนเราถึง 25 เท่า ตั้งแต่ปลายปี 2561 ต่อเนื่องมาจนถึงต้นปี 2562 ขณะนี้กรมควบคุมมลพิษ ขอความร่วมมือประชาชนงดการเผาในที่โล่งทุกประเภท และงดการใช้รถยนต์ควันดำอย่างเด็ดขาด (อ่าน : ตั้งด่านตรวจจับรถยนต์ควันดำ ลดแหล่งกำเนิด PM2.5 )
คุณภาพอากาศที่ไม่ดีเช่นนี้ ใช่ว่าเกิดขึ้นกับประเทศไทยเพียงประเทศเดียว หลายประเทศทั่วโลกเคยเจอปัญหาแบบนี้และบางประเทศหนักกว่าที่เรากำลังเผชิญอยู่ กรีนพีซ ไทยแลนด์ นำข้อมูลเกี่ยวกับวิธีจัดการมลพิษทางอากาศของ 5 ประเทศ ออกมาเปิดเผยให้ชวนหันมองว่า ในต่างประเทศจัดการปัญหามลพิษได้ด้วยความร่วมมือจากประชาชนและนโยบายที่จริงจังของภาครัฐ
1 กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย
ปี 2018 อินเดียเจอวิกฤติคุณภาพอากาศอย่างมาก เพราะค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐานถึง 2 เท่า จนเกิดแฮชแท็ก #smong เรียกร้องให้ภาครัฐแก้ปัญหามลพิษทางอากาศอย่างจริงจัง รัฐบาลอินเดียจึงออกนโยบาย “ห้ามรถยนต์” ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่, รถ SUV ที่มีเครื่องยนต์แรงม้ามากกว่า 2000 ซีซี, ให้รถแท็กซี่เครื่องยนต์ดีเซลหลายพันคันหยุดวิ่ง, ทดลองการให้รถยนต์หยุดวิ่งวันคี่หรือวันคู่, กระตุ้นการใช้รถสาธารณะ รถตู้อูเบอร์ให้มากขึ้น แต่ไม่มีมาตรการจัดการทางอากาศกับภาคอุตสาหกรรม ทั้งการเผาทำลายผลผลิตจากเกษตรกรรม โรงงานอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้าถ่านหิน

(ทางจักรยาน ในกรุงปารีส /ภาพจาก @Meehin)
2 กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
นโยบายของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง สนับสนุนให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น โดยไม่อนุญาตให้รถยนต์ส่วนตัว วิ่งในย่านศูนย์กลางเมืองในช่วงสุดสัปดาห์ ห้ามใช้รถยนต์ในย่านฌ็องเซลิเซ่ 1 ครั้งต่อเดือน อีกทั้งยังสนับสนุนการใช้จักรยาน โดยจัดทำโครงการยืมจักรยาน หรือเรียกกันว่า ธนาคารจักรยาน และมีแนวคิดจะเก็บภาษีน้ำมันในอัตราสูง แต่ก็ทำให้เกิดการประท้วอย่างรุนแรงตามมา
3 เมืองไฟรบวร์ค (Freiburg) เยอรมนี
เมืองไฟรบวร์ค มีทางปั่นจักรยาน รวมแล้วมีระยะทางกว่า 500 กิโลเมตร มีรถรางและมีระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพและราคาถูก ทั้งนี้ในย่านชานเมืองบางแห่งห้ามไม่ให้ประชาชนจอดรถยนต์ใกล้ ๆ บ้าน ดังนั้นเจ้าของรถต้องเสียเงินเช่าพื้นที่จอดรถกว่า 18,000 ยูโร หรือ ประมาณ 660,162 บาท

(นักกิจกรรมกีนพีซในเยอรมนี รณรงค์ให้รัฐบาลแก้ปัญหามลพิษอย่างยั่งยืน)
4.เกาหลีใต้
รัฐบาลโสมขาว สั่งปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินในเกาหลีใต้ 8 แห่งชั่วคราวเพื่อลดมลพิษทางอากาศ หลังจากที่ก่อนหน้านั้นได้สั่งปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินชั่วคราวเป็นเวลา 4 เดือนในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และยังมีแผนการ จะปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินโรงเก่าถาวรภายในเดือนพฤษภาคมปี พ.ศ.2563 เพื่อลดมลพิษทางอากาศ และทำตามข้อตกลงปารีสเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง แม้ว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินเหล่านี้ผลิตไฟฟ้าให้กับประเทศถึงร้อยละ 40
5. เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
มีแนวคิดการใช้ “จักรยาน” เทียบกับรถยนต์ โดยการขี่จักรยาน 1 ไมล์ ให้มูลค่ากับชุมชนประมาณ 0.42 ดอลล่าสหรัฐ ในขณะที่การขับรถยนต์ส่วนตัวเป็นระยะทาง 1 ไมล์ให้มูลค่ากับชุมชนประมาณ 0.20 ดอลล่าสหรัฐ นอกจากนี้เมืองส่วนใหญ่ในเดนมาร์กเริ่มทยอยหยุดใช้รถยนต์ มาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว เพื่อทำตามนโยบายเมืองที่มุ่งจะเป็นเมือง Carbon Neutral หรือเมืองที่มีกิจกรรมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเท่ากับศูนย์ภายในปี พ.ศ.2568 หรืออีก 6 ปีข้างหน้า
ที่มา : greenpeace









