
“โรดิโก ดูแตร์เต” ประกาศถอนฟิลิปปินส์จากสนธิสัญญาศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ไอซีซี และให้ “มีผลทันที” หลังถูกตรวจสอบการทำสงครามยาเสพติดของเขา ชี้เป็นการละเมิดการบริหารประเทศและกระบวนการยุติธรรม
หลังจากเมื่อเดือน ก.พ. 2561 ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) เริ่มดำเนินการสอบสวนการดำเนินการ สงครามยาเสพติด ของนายโรดิโก ดูแตร์เต ปธน.ฟิลิปปินส์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูง ที่ถูกกล่าวหาว่าการสังหารประชาชนกว่า 4,000 คน หรืออาจเรียกได้ว่าการก่ออาชญากรรมมนุษย์นั้น
ทำให้ทางการฟิลิปปินส์ออกมากแถลงการณ์วันนี้ (14 มี.ค. 2561) ว่า ปธน.ดูแตร์เต ประกาศถอนตัวออกจากการไอซีซี เนื่องจากฟิลิปปินส์ถูกเล่นงานจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และถูกไอซีซีละเมิดการบริหารประเทศและกระบวนการยุติธรรม
JUST IN: Statement of President Rodrigo Duterte on the ICC’s preliminary examination @inquirerdotnet pic.twitter.com/sQJSgRa5yT
— Jhoanna Ballaran (@JhoannaBINQ) 14 มีนาคม 2561
แฮร์รี โร้ด โฆษก ปธน. ยืนยันว่ามีการส่งเอกสารถึงผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการถอนตัวของฟิลิปปินส์จากไอซีซี ซึ่งถูกเขียนไว้ในหน้า 15 ลงวันที่ 13 มี.ค. ระบุว่าให้ “มีผลทันที” และแม้ว่า ปธน.ดูแตร์เต ไม่ได้ลงลายเซ็น แต่ที่ปรึกษาด้านกฎหมายก็ยืนยันว่าเป็นความจริง
ปธน.ดูแตร์เตที่ประณามการกระทำของไอซีซีว่า เป็นการกระทำที่ไร้มูลความจริง ไร้ประโยชน์ เป็นการละเมิดการบริหารประเทศ ซึ่งฟิลิปปินส์ถูกโจมตีอย่างรุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ส่วนการปราบปรามยาเสพติดของเขานั้น ไม่ใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือการก่อสงครามอาชญากรรม การเสียชีวิตเกิดขึ้นจากการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างถูกต้อง โดยไม่มีเจตนาฆ่า ซึ่งแย้งกับสิ่งที่เขาเคยพูดว่า “ยินดีสังหาร” ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
รัฐบาลฟิลิปปินส์ยืนกรานว่า กระบวนการทางศาลและกฎหมายของฟิลิปปินส์มีความเป็นอิสระและมีประสิทธิภาพ

ด้าน นางฟาโต เบนโซตา อัยการสูงสุดของไอซีซี เผยว่า ไอซีซีกำลังตรวจสอบเอกสาร “การสังหารนอกเหนือกฎหมาย” ของสงครามยาเสพติด ย้ำว่าไม่ใช่สอบสวน แต่เป็นการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น เพื่อดูว่ามีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด ในการที่จะดำเนินการสอบสวนต่อไป
สำหรับศาญอาญาระหว่างประเทศ หรือไอซีซี ปัจจุบันมีสมาชิกรัฐภาคี 123 รัฐ รวมถึงฟิลิปปินส์ มีหน้าที่พิจารณาคดีอาชญากรรมที่รุนแรงกว่าคดีทั่วไป ทั้งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมที่กระทบต่อมนุษยชาติ การก่อสงคราม เป็นต้น ซึ่งจะมีอำนาจแทรกแซงเฉพาะรัฐที่เป็นสมาชิกเท่านั้น ขณะที่ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ยังไม่ให้สัตยาบันของสนธิสัญญา จีนและอินเดียก็ยังไม่เคยลงนามเช่นกัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง









