“ประชาธิปัตย์” ชี้นโยบาย “พลังประชารัฐ” จะสร้างปัญหาเหมือนจำนำข้าว

“ประชาธิปัตย์” ชี้นโยบาย “พลังประชารัฐ” จะสร้างปัญหาเหมือนจำนำข้าว

“อรรถวิชช์ ” กรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ เผยถอดรหัส “สินเชื่อชะลอการขายข้าว” ของพลังประชารัฐ สุดท้ายจะเหมือนจำนำข้าวสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์สร้างภาระให้ภาครัฐระบายข้าว เปิดช่องให้ทุจริต ชี้ “ประกันราคาข้าว” แบบประชาธิปัตย์เป็นแนวทางที่ดีกว่า 

วันที่ 2 มี.ค. นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัคร ส.ส.กทม.และกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ถึงนโยบาย “สินเชื่อชะลอการขายข้าว” ของพรรคพลังประชารัฐว่า จะซ้ำรอยนโยบาย “จำนำข้าว” ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่สร้างความเสียหาย

นายอรรถวิชช์ อธิบายว่า นโยบายพรรคพลังประชารัฐ คือการให้ชาวนานำข้าวเปลือกในยุ้งฉางเป็นหลักประกันในการได้เงินกู้จาก ธกส. ซึ่งเมื่อครบกำหนดชาวนาและนำเงินมาไถ่คืนหรือปล่อยให้ ธกส.ยึดข้าวที่เป็นหลักประกันไป ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นแบบหลัง เพราะเมื่อคำนวณประโยชน์ที่จะได้รับจากเงินกู้และเงินให้เปล่าอื่น จะได้ผลตอบแทนสูงกว่านำข้าวกลับไป

ผลที่ตามมาคือรัฐบาลจะมีภาระในการระบายข้าว และเสี่ยงต่อการทุจริต เพียงแต่เปลี่ยนหน่วยงานที่ต้องระบายข้าวจากกระทรวงพาณิชย์ในสมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ มาเป็น ธกส.เท่านั้น และชาวนาเองก็มีความเสี่ยงหากข้าวที่เป็นหลักประกันเสียหายจากภัยธรรมชาติ ตนจึงเห็นว่า แนวทางที่ดีกว่า คือ นโยบายประกันรายได้ ของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นการโอนเงินส่วนต่างโดยตรงให้ชาวนา และไม่เป็นปัญหาในการดูแลสต็อกและการขายข้าว

ทั้งนี้ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความอธิบาย นโยบายด้านข้าวไว้เมื่อ 26 ก.พ. โดยย้ำชัดเจนว่า ไม่ใช่การลอกเลียนนโยบายจำนำข้าวและไม่ใช่การประกันราคาข้าว แต่เป็นการชะลอการขายโดยใช้กลไกตลาดเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่การรับซื้อในราคาสูงกว่าราคาตลาด

นายอุตตม ระบุว่า กลไกชะลอการขายจะทำให้ตลาดมีความสมดุล เมื่อขายถูกเวลาจะได้ราคาที่สูงขึ้น โดยยกตัวอย่าง ราคาข้าวหอมมะลิ เมื่อตอนต้นฤดูกาลขายได้ราคา 10,000 ถึง 12,000 บาทต่อตัน แต่พอถึงปลายฤดูกาล ความต้องการของตลาดมีมาก ราคาอาจขยับไปถึง 13,000 ถึง 16,000 บาทต่อตัน แต่ถ้าราคาตลาดต่ำกว่าที่ขอสินเชื่อไว้ ชาวนาก็ไม่ต้องชำระหนี้คืน และ ธกส.จะเป็นผู้ขายระบายข้าวที่เป็นหลักประกันเอง

“พี่น้องชาวนาสามารถนำข้าวของตนเอง มาขอสินเชื่อเพื่อนำไปใช้จ่ายในเรื่องค่าต้นทุนการผลิตต่างๆ แล้วหากในอนาคตราคาตลาดสูงกว่าราคาที่ตนเองนำมาขอสินเชื่อไว้ ก็สามารถไถ่ถอนออกไปขาย ก็จะได้ราคาที่สูงกว่า ถ้าไม่มีกลไกตลาดดังกล่าวนี้ ก็จะถูกกดราคา เมื่อถึงฤดูกาลที่ผลผลิตออกมาพร้อมกันจำนวนมาก ทำให้พี่น้องชาวนาขายข้าวได้ราคาที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น”

คลิกอ่านแนวคิดฉบับเต็มของทั้ง 2 พรรค 

https://www.facebook.com/atavit.s.dp/posts/2537253736316196

 

https://www.facebook.com/Dr.UttamaSavanayana/posts/772872179754246

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง