
ประเด็นคือ – นักวิเคราะห์การเมือง มองผลการเลือกตั้งอิตาลี ที่ไม่มีพรรคการเมืองใด ได้คะแนนเสียงจากประชาชนถึงร้อยละ 40
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานผลการนับคะแนนเลือกตั้งทั่วไปของอิตาลี อย่างไม่เป็นทางการ พบว่า แนวร่วมพรรคฝ่ายขวาที่ประกอบด้วย พรรคฟอร์ซ่า อิตาเลีย (Forza Italia) ของนายแมตติโอ ซัลวินี่ ก่อตั้งโดยนายซิลวีโอ แบร์ลุสโคนี่ อดีตนายกรัฐมนตรีร่วมกับพรรคสันนิบาตภาคเหนือ (The Northern League) ได้คะแนนรวมกันที่ ร้อยละ 37

ตามมาด้วย พรรคไฟว์สตาร์ มูฟเมนท์ (Five Star Movement) พรรคสายประชานิยม ที่ ร้อยละ 32.6

พรรคประชาธิปัตย์
ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ (Democratic Party) พรรคฝ่ายซ้ายของนายแมททีโอ เรนซี่ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ได้คะแนนร้อยละ 22.8
ผลการนับคะแนนนี้ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง จากการที่ไม่มีพรรคการเมืองใดได้คะแนนเสียงมากกว่า ร้อยละ 4 ในการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ ต้องจัดตั้งรัฐบาลผสมโดยนักวิเคราะห์ชี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะชะงักงันทางการเมือง เนื่องจากไม่มีพรรคไหนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
แม้ พรรคไฟว์สตาร์ มูฟเมนท์ Five Star Movement ของนายลุยจิ ดิ มาโย อาจร่วมกับพรรคฝ่ายซ้ายของนายแมททีโอ เรนซี่ จัดตั้งรัฐบาลได้ แต่นายดิ มาโย ได้ประกาศก่อนการเลือกตั้งว่า จะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสม
โดยอีกหนึ่งรูปแบบของการรวมกลุ่มกันตั้งรัฐบาล ก็คือ พรรคไฟว์สตาร์ มูฟเมนท์ อาจเข้าร่วมกับพรรคฝ่ายขวา ที่มีแนวนโยบายสอดคล้องกัน โดยเฉพาะการเปิดรับผู้อพยพ และการต่อต้านสหภาพยุโรป ซึ่งนายดิ มาโย ได้ออกมาประกาศหลังมีการประกาศเอ็กซิทโพลวานนี้ โดยระบุว่าพร้อมสำหรับการเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิตาลี
นักวิเคราะห์มองว่า สถานการณ์การเมืองของอิตาลีที่มีแนวโน้มย้อนกลับไปสู่การปกครองโดยพรรคฝ่ายขวาอีกครั้ง อาจส่งผลกระทบตามมาในอีกหลายด้าน ทั้งการผลักดันนโยบายต่อต้านการเปิดรับผู้อพยพ รวมไปถึงการกดดันสหภาพยุโรป ในการปฏิรูปองค์กรหลายด้าน โดยเฉพาะการไม่ให้ประเทศสมาชิกไม่ต้องสนับสนุนงบประมาณต่อสหภาพยุโรป หรือสนับสนุนในอัตราที่น้อยลง หรือเลวร้ายที่สุดคือการตามรอยสหราชอาณาจักร ในการถอนตัวออกจากสมาชิกสหภาพยุโรป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง









