ศาลเบอร์ลินสั่งห้ามรถเครื่องยนต์ดีเซล ขับบนถนนสายหลักในเมืองหลวง หวังลดมลพิษที่เป็นอันตรายต่อประชาชน
วันนี้ (9 ต.ค. 61) ศาลเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี มีคำสั่งห้ามรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล สัญจรบนถนนสายหลักในกรุงเบอร์ลิน ตามหลังนครฮัมบวร์ค นครแฟรงก์เฟิร์ต และนครชตุทท์การ์ท ที่สั่งห้ามไปก่อนหน้านี้
การให้ความสำคัญต่อคุณภาพอากาศในเยอรมนี เกิดขึ้นหลังเหตุอื้อฉาว ‘ดีเซลเกต’ หรือการโกงค่าไอเสียเครื่องยนต์ดีเซลของโฟล์คสวาเกน จำนวน 11 ล้านคันทั่วโลก เมื่อปี 2558
ผู้พิพากษากล่าวว่า การจัดทำแผนอากาศบริสุทธิ์ในปัจจุบัน ไม่มีมาตรการเพียงพอเพื่อจะบรรลุถึงขีดจำกัด สำหรับไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์

เพื่อเป็นการลดระดับมลพิษที่เป็นอันตรายต่อประชาชน หน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ ต้องสั่งห้ามรถยนต์ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ มาตรฐานการปล่อยมลพิษระดับยูโร 5
หน่วยงานรับผิดชอบต้องจัดทำแผนงานเกี่ยวกับอากาศบริสุทธิ์ฉบับใหม่ ตามคำสั่งศาลภายในวันที่ 31 มีนาคม แต่ผู้พิพากษากล่าวว่า การสั่งห้ามรถยนต์ดีเซลบนถนนในเมืองหลวง ต้องดำเนินการภายใน 2-3 เดือนต่อจากนี้ ทั้งนี้หน่วยงานรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อคำสั่งศาลครั้งล่าสุดได้
ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ส่งผลให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อบริเวณทางเดินหายใจ เกิดภาวะหลอดลมอักเสบ และปอดอักเสบได้
นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการจับกับฮีโมโกลบิน ได้ดีกว่าคาร์บอนมอนอกไซด์หลายพันเท่า เมื่อถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิตจะถูกเปลี่ยนเป็นเมทฮีโมโกลบิน ไนไตรต์ และไนเตรต ซึ่งขัดขวางออกซิเจนไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย









