สเปน-โปรตุเกส กำลังเผชิญหน้ากับคลื่นความร้อนครั้งใหญ่ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สืบเนื่องจากคลื่นความร้อนที่เข้าปกคลุมทวีปยุโรป จนมีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย
วันที่ 5 ส.ค. 61 สื่อต่างประเทศรายงานว่า โปรตุเกสประเตือนภัยระดับสีแดงในหลายพื้นที่ของประเทศ รวมไปถึงกรุงลิสบอนเมืองหลวง หลังอุณหภูมิของประเทศอยู่ที่ 45 องศาเซลเซียส (ราว 113 องศาฟาเรนไฮต์) ด้านนักวิจัยกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดคลื่นความร้อนที่เพิ่มขึ้นของทวีปยุโรปถึง 2 เท่า
หน่วยงานด้านการพยากรณ์ของสหราชอาณาจักรกล่าวว่า อุณหภูมิในคาบสมุทรไอบีเรียสุดสัปดาห์นี้ “มีสิทธิสร้างสถิติความร้อนสูงสุดของทวีปยุโรปได้ถึง 48 องศาเซลเซียส” (ประมาณ 118 องศาฟาเรนไฮต์ก่อนที่ปรอทจะเริ่มจุ่มลง)
ด้านกระทรวงสาธารณสุขสเปนระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 3 รายในสัปดาห์นี้เนื่องจากสภาพอากาศร้อน โดยเมื่อวันพุธ(1 ส.ค. 61) ที่ผ่านมา ชายวัย 41 ปี รายหนึ่ง เสียชีวิตขณะกำลังทำงานอยู่บนทางหลวงใกล้กับแคว้นมูร์เซียทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศสเปน ต่อมาในวันพฤหัสบดี (2 ส.ค.61) มีรายงานว่าพบชายวัย 78 ปีนอนหมดสติในสวนของเขาเนื่องจากเป็นลมแดดและหลังเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา และเมื่อวันศุกร์ (3 ส.ค.61) ชายวัยกลางคนในบาร์เซโลนาเสียชีวิต อันเป็นผลจากความร้อน ซึ่งชายคนดังกล่าวถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในสภาพอาการโคม่าและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ซึ่งทางกรมอุตุนิยมวิทยาของสเปนได้ประกาศให้แคว้นเอซเตรมาดูราและแคว้นอันดาลูเซียเป็นพื้นที่สีแดง ในขณะที่บริเวณอื่น ๆ ของประเทศถูกจัดอยู่ในพื้นที่สีส้มและสีเหลือง โดยอุณหภูมิที่ร้อนที่สุดในประเทศสเปนอยู่ที่วันศุกร์ (3 ส.ค.61) อยู่ที่ 44.7 องศาเซลเซียสที่เมืองบาดาโฆสในแคว้นเอซเตรมาดูรา ส่วนในเมืองเซบีญาวัดอุณหภูมิได้ที่ 44.5 องศาเซลเซียส
