‘อีโบลา’ ไวรัสมรณะ ระบาดรอบใหม่ในคองโก

‘อีโบลา’ ไวรัสมรณะ ระบาดรอบใหม่ในคองโก

เป็นการยืนยันครั้งล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุขคองโกว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลา 2 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 17 ราย ทางตะวันตกของประเทศ 

องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า การระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาได้รับการยืนยัน หลังจากผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่ามีผู้ป่วย 2 รายที่จากกลุ่มผู้ป่วย 5 คน และเสียชีวิต 17 ราย ในเมืองไบโคโร ทางตะวันตกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DR Congo)

องค์การอนามัยโลกระบุว่า ได้เพิ่มงบประมาณฉุกเฉินจำนวน 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และได้นำผู้เชี่ยวชาญกว่า 50 คนไปทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ในคองโก เพื่อจัดการรับมือกับการระบาดของเชื้ออีโบลานี้ ซึ่งนับเป็นการระบาดครั้งที่ 9 แล้วที่ระบาดในคองโก

สำหรับประเทศไทย พบผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสอีโบลาเดินทางเข้ามาในประเทศ เมื่อช่วงปลายปี 2557 ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังไม่พบการระบาดในประเทศไทยแต่อย่างใด

 

เชื้อไวรัสอีโบลา

ถูกพบครั้งแรกตั้งแต่ปี 2519 ได้รับการตั้งชื่อตามแม่น้ำอีโบลาในคองโก เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชนิดเฉียบพลันรุนแรง เกิดจากเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola virus) ประกอบด้วย 5 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ไอวอรีโคสต์ สายพันธุ์ซูดาน สายพันธุ์ซาร์อี สายพันธุ์เรสตัน (Reston) และสายพันธุ์ Bundibugyo

การติดต่อ 

ติดต่อจากคนสู่คน เกิดจากการสัมผัสตรงกับเลือดที่ติดเชื้อสารคัดหลั่ง เช่น นํ้ามูก นํ้าลาย ปัสสาวะอุจจาระ อวัยวะ หรือนํ้าอสุจิ นอกจากนี้การติดเชื้อในโรงพยาบาลพบได้บ่อยผ่านทางเข็มและหลอดฉีดยาที่ปนเปื้อนเชื้อ และยังพบการแพร่กระจายเชื้ออีโบลาในพิธีศพได้บ่อย เนื่องจากผู้มาร่วมพิธีศพอาจมีการสัมผัสโดยตรงกับร่างกายของผู้เสียชีวิต

สำหรับการติดต่อของเชื้อไวรัสอีโบลาสู่คนเกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับเลือดหรือเครื่องในของสัตว์ป่าที่ติดเชื้อ หรือเกิดขณะจัดการหรือชำแหละสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ตาย โดยยังไม่พบรายงานจากการติดเชื้อผ่านทางละอองฝอยที่ลอยในอากาศ

อาการ 

มักจะแสดงออกเป็นไข้เฉียบพลัน อ่อนเพลียมาก ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ เจ็บคอ ตามด้วยอาการอาเจียน ท้องเสีย ผื่นผิวหนัง ไตและตับทํางานบกพร่อง ในบางรายพบการตกเลือดทั้งภายในและภายนอก จนถึงขั้นเสียชีวิต

ผู้ป่วยยังสามารถแพร่เชื้อได้ตราบเท่าที่เลือดและสิ่งคัดหลั่งของตนยังมีเชื้อไวรัสระยะฟักตัวของโรคซึ่งหมายถึงระยะเวลานับจากการเริ่มติดเชื้อไวรัสจนถึงเมื่อเริ่มแสดงอาการ ได้แก่ 2-21 วัน

วัคซีนและยารักษา 

ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคอีโบลา และยารักษาจำเพาะ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย ผู้ป่วยที่อาการรุนแรงจําเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาแบบประคับประคองอย่างเข้มงวด ผู้ป่วยมักจะมีอาการขาดนํ้าบ่อยๆ จึงจําเป็นต้องได้สารละลายเกลือแร่เพื่อแก้ไขอาการขาดนํ้าโดยอาจให้ทางปาก หรือทางเส้นเลือด

สำหรับผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศ

สิ่งที่ควรทำ

  • หลีกเลี่ยงหรือชะลอการเดินทางไปในประเทศที่มีการระบาด (ในขณะนี้มี3 ประเทศได้แก่ กินี ไลบีเรียและเซียร์ร่าเลโอน และอาจเพิ่มตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข)
  • ติดตามข้อมูลข่าวสารที่เป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุข
  • หากจำเป็นต้องเดินทางไปประเทศที่มีการระบาด ต้องหมั่นล้างมือ ด้วยนํ้าและสบู่ให้สะอาด หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ป่วย หรือสัมผัสผู้ป่วยรวมเสื้อผ้า เครื่องใช้ของผู้ป่วย หากมีอาการป่วย เช่น ไข้สูง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ อาเจียนท้องเสียและมีผื่นนูนแดงตามตัวรีบพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติการเดินทาง

สิ่งที่ไม่ควรทำ (สำหรับผู้เดินทางไปประเทศที่มีการระบาด)

  • ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ป่าทุกชนิด
  • ไม่สัมผัสสัตว์ป่าทุกชนิดโดยเฉพาะสัตว์จำ พวกลิงหรือค้างคาว
  • ไม่ล้วงแคะแกะเกาจมูก และขยี้ตา ด้วยมือที่ยังไม่ได้ล้างให้สะอาด
  • ไม่มีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่นอนหรือคู่รัก
  • ไม่ซื้อยากินเอง เวลาเจ็บป่วยด้วยอาการไข้

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค

 

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง
‘อีโบลา’ ไวรัสมรณะ ระบาดรอบใหม่ในคองโก