ตำรวจออสเตรเลียจับกุมคนก่อเหตุได้แล้วเมื่อวันอาทิตย์ และได้นำตัวส่งฟ้องศาลโดยทันทีแล้วเมื่อวานนี้ ด้านผู้ต้องหาเผยต้องการให้บริษัทเจ๊ง
วันที่ 13 พ.ย. 61 สื่อต่างประเทศรายงานว่า ทางการออสเตรเลียได้นำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาลเมื่อวานนี้ (12 พ.ย. 61) โดยผู้ก่อเหตุรายนี้เป็นอดีตคนคุมสวนสตรอว์เบอรรี่ ในรัฐควีนส์แลนด์ ทราบชื่อคือ น.ส.หมี่ อุต จิน อายุ 50 ปี เป็นผู้ลี้ภัยเชื้อสายเอเชียที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในออสเตรเลียเมื่อกว่า 20 ปีก่อน โดยเธอให้การว่า เพราะต้องการให้บริษัทที่ตนเองเคยทำงานให้ เกิดความเสียหายทางการเงิน จึงใช้เวลาหลายเดือนฝังเข็มเข้าไปในผลไม้
น.ส.หมี่ อุต จิน ผู้ต้องหา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาน.ส.หมี่ ถึง 7 กระทง ที่เกี่ยวข้องกับการปนเปื้อนสินค้าเพื่อการบริโภคและทำความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจ ซึ่งปกติจะมีระวางโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี แต่เพราะเป็นกรณีร้ายแรงและกระทบต่อในระดับประเทศ โทษจำคุกคาดว่าจะเพิ่มเป็นสูงสุดที่ 10 ปี และได้มีการคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนจำนวนมาก
ขณะที่ทนายความของ น.ส.หมี่ กล่าวว่า น.ส.หมี่ นั้นไม่เคยทำหน้าที่เก็บและบรรจุสตรอว์เบอร์รี่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่เบื้องหลังคดีนี้ อย่างไรก็ตามตำรวจยื่นหลักฐานต่อศาลว่าพบดีเอ็นเอของ น.ส.หมี่ บนตะกร้าบรรจุสตรอว์เบอร์รี่ที่วางขายในรัฐวิกตอเรีย ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เผยถึงรายงานการพบเข็มฝังในสตรอว์เบอร์รี่นั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 186 คดี ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยมีผู้ผลิตสตรอว์เบอร์รี่ที่ได้รับผลกระทบมากถึง 86 ยี่ห้อ
นายเอเดน ยัง หนึ่งในเกษตรกรในรัฐควีนส์แลนด์ ที่ต้องนำสตรอว์เบอร์รีไปทำลายเมื่อ ก.ย. 2018 หลังเกิดกระแสหวาดกลัวเข็มในผลสตรอว์เบอร์รี
